เสวนา ‘ชังชาติ’ ถกเถียงหนัก ‘ปูเค็ม’ อัด พวกวิพากษ์ประเทศแล้วคิดว่าเท่ ‘บก.ลายจุด’ ชี้แค่คำประดิษฐ์ไว้ทำลายล้างทางการเมือง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ห้องคอมมอนรูม คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จัดเสวนาในหัวข้อ “คนชังชาติ ควรออกไปจากประเทศหรือไม่”

ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ ผู้กองปูเค็ม การ์ดชาตินิยม Thai Wisdom กล่าวว่า แนวคิดชังชาติทำให้เกิดการเอาแบบอย่างแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่อง เท่ เช่น การวิพากษ์วิจารณ์ประเทศตัวเองให้ชาวต่างประเทศรับรู้ ชักชวนให้คนต่างประเทศมาช่วยจัดระเบียบประเทศ อาจเพราะอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว หรือมีความรู้ไม่เพียงพอ ซึ่งถ้าหากมีการจัดระเบียบโดยมหาอำนาจของโลก จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นในตะวันออกกลาง และอีกหลายประเทศซึ่งเกิดจากการที่คนในประเทศกวักมือเรียก

“ไม่มีประเทศไหนที่เห็นว่าเราเป็นเพื่อนแท้จริงๆ ทุกประเทศล้วนเห็นแก่ประเทศตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีคำว่า อเมริกาเฟิร์สต์ (America first) เรามีสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เกิดจากแนวนโยบายของประเทศมหาอำนาจโลกส่งผลไปทั่วโลกกระทบถึงเมืองไทย เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศต้องพึ่งพาทั้งโลกในการซื้อมาขายไป เมื่อจีนขายของไม่ได้ก็ประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจ สหรัฐก็เช่นกัน ชิ้นส่วน อะไหล่ที่ไทยผลิตได้แต่ขายไม่ได้ ส่งผลกระทบถึงกรรมกร ชนชั้นแรงงาน เมื่อแรงงานตกงานก็ส่งผลถึงการค้าขายในชีวิตประจำวัน พ่อค้าแม่ค้าก็จะบ่นถึงแต่เรื่องใกล้ตัว เศรษฐกิจไม่ดี แต่คนเหล่านั้นไม่ได้มองสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง จนเกิด วลี ‘ฉันเกิดในรัฐบาลประยุทธ์’ มองเห็นแต่ตัวเอง ปรับตัวไม่ได้ ไม่สามารถยืนหยัดสถานการณ์ที่เกิดวิกฤตได้ ในขณะที่่การค้าของคนอีกลุ่มซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันก็ยังทำได้และดีขึ้นเรื่อยๆ” ร.อ.ทรงกลดกล่าว

ร.อ.ทรงกลดกล่าวเปิดเผยว่า เหตุที่ตามธนาธรไปทุกหนแห่งเพราะต้องการบล็อก ตอบแบบตรงๆ เพราะธนาธรมีแนวคิดชังชาติ มีการเชิญชวนมหาอำนาจของโลกมาจัดระเบียบประเทศ เรารู้ได้อย่างไรในความหวังดี การแบ่งแยกประเทศเป็นเผ่า ทั้งเผ่าจีน สหรัฐ รัสเซีย เกิดขึ้นแล้วทุกประเทศมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะหลอมรวมความเป็นชาติของเรา เช่น วัฒนธรรมศาสนา แนวคิด ระบอบการปกครอง กระทั่งกติกาในการอยู่ร่วมกันจะต้องมีคนตัดสิน ถ้าอีกฝ่ายถูกตัดสินว่าแพ้แต่ไม่ยอมแพ้ เผ่าไทยของเราจะอยู่ได้อย่างไร

Advertisement

“ศาลคือกติกาของบ้านเมืองที่ทุกคนจะต้องยอมรับ แต่เมื่อหัวหน้าพรรคการเมืองเป็นตัวอย่างคนฐาน 6 ล้านเสียงไม่ยอมรับกติกาบ้านเมือง จะอยู่ได้อย่างไร ธนาธรคือภัยคุกคามใหญ่หลวงที่ต้องบล็อกให้ได้ ไปที่ไหนผู้กองปูเค็มไปที่นั่น” ร.อ.ทรงกลดกล่าว และว่าคนที่ไม่เคารพกติกาหรืออัตลักษณ์ของเผ่าแล้วมาอยู่ในเผ่าเราทำไม มีเผ่าข้างๆ เผ่าพม่า เผ่าเขมร เผ่าเวียดนาม เหตุใดไม่ไปอยู่ มีสิทธิอยู่หรือ ไม่ไม่รู้ แต่มีสิทธิตั้งคำถามว่า ถ้าเกลียดเผ่าพันธุ์ความเป็นไทย อยู่ด้วยความยากลำบาก เจ็บแค้น ชังชาติขนาดนี้ จะอยู่ทำไม ตนไม่มีสิทธิไล่ แต่จะตั้งคำถามเช่นนี้” ร.อ.ทรงกลดกล่าว

ด้าน ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล กล่าวว่า หากมีคนชังชาติจริงต้องออกไป แต่มีข้อสงสัยที่ต้องถกในบริบทว่าคนชังชาติมีจริงหรือไม่ หรือเป็นคำกล่าวหาที่แยกคนออก ใครชิงซีนก่อนก็ชนะไป จึงต้องตีความก่อนว่า 1.คน คือประชากร 2.ชัง คือไม่รัก ส่วน 3.ชาติ ปัจจัย คือ 1.ความเป็นภูมิศาสตร์ที่แน่นอน 2.ประชากรหรือพลเมือง 3.วัฒนธรรม ศาสนา 4.การศึกษา เทคโนโลยี 5.เศรษฐกิจ 6.สังคม 7.การปกครองและกฎหมาย และปัจจัยอื่นๆ

Advertisement

“ส่วนตัวสงสัยว่า ที่ตีความว่าชังชาตินั้นชังตรงไหน ชังประเทศ หรือชังคน แล้วคนแบบไหนที่้ต้องชัง เพราะชังกับไม่ชอบ ไม่เหมือนกัน เช่นเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ชอบที่เศรษฐกิจไม่ดี หรือลามไปถึงไม่ชอบวิธีการปกครองแบบนี้ เราชังคนที่ปกครอง หรือชังระบบการปกครอง เมื่อมีปัจจัยที่ทำให้สงสัยเสมอ ตกลงเราชังชาติ ชังคน หรือชังตรงไหน จึงไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าใครชังชาติ ถึงจะตั้งทฤษฎีว่าใครคิดอย่างไรเป็นพวกชังชาติก็เร็วไป เขาอาจจะรักชาติมากกว่าเราก็ได้ แต่เขาอาจมีมุมมองอีกอย่าง”

“ส่วนเชื่อว่าคนรุ่นใหม่มีความรู้ แต่ความคิดแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะ การเรียนรู้ และสิ่งแวดล้อมที่บ่มเพาะหล่อหลอม เขาอาจจะรักชาติแบบของเขา เพราะวิธีรักชาติมีมาก บางคนปากบอกรักชาติแต่คอร์รัปชั่นแบบนี้ต้องออกไปเพราะเป็นความรักอีกแบบ แต่เวลาพูดเอาไปเหมารวมจึงเกิดการแบ่งฝั่ง ดังนั้น ชังชาติ ยังเป็นเพียงสมมุติฐาน ยังเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและเฉียบแหลมเกินไป ที่อาจทำให้สังคมเกิดความแตกแยก จึงต้องพิจารณาเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจน ยึดหลักความดีและความถูกต้อง ไวไปที่จะสรุป ต้องให้โอกาสและพื้นที่คุยกัน” ดร.ชัยภัฏระบุ

น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมทางการเมือง กล่าวว่า คนชังชาติ เป็นคำที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์การต่อสู้ทางการเมือง เช่นเดียวกับยุค 6 ตุลาคม ที่มีการป้ายสีนักศึกษาประชาชนกลุ่มหนึ่งว่าเป็น ‘คอมมิวนิสต์’ เช่น เดียวกับที่ ผบ.ทบ.สร้างคำว่า ‘คนหนักแผ่นดิน’ ขึ้นมา เช่นเดียวกับที่มีคำว่า ‘ซ้ายจัดดัดจริต’ มาจนถึงคำว่า คนชังชาติ เป็นคำที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยจุดประสงค์เฉพาะ เพื่อใช้ในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ใช่ตลอดไป เพราะเป็นคำที่ถูกผลิตขึ้นโดยปราศจากรากข้อเท็จจริง คนจะตื่นเต้นสักพักไม่นานก็เอ้าท์ แต่ช่วงนี้ก็มีคนนำคำนี้มาใช้ ถึงขนาดย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ด้วยเหตุผลว่าจะไปกำจัดคนชังชาติ ดังนั้นคำนี้จึงมีนัยยะทางการเมือง คนที่ใช้คำนี้ เป็นเหตุผลในการดำรงอยู่ของ เช่น คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม อธิบายถึงคำนิยามลัทธิชังชาติไว้ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา 5 ข้อ ว่า คนชังชาติหมายถึง การกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชาติ เช่น

-คนที่ไม่ส่งเสริมศาสนา ทั้งที่ศาสนาอยู่กับสังคมไทยมาเป็น 100 ปี ในโลกนี้ ทุกประเทศมีคนที่เคร่งและไม่เคร่งศาสนา มีคนไม่เอาศาสนาเพราะเชื่อว่าตนเองมีคุณธรรมประจำใจจึงไม่สังกัดศาสนาใด หรือเขาอาจเป็นคนชังศาสนา แต่ก็ไม่ใช่คนชังชาติอยู่ดี

คนที่ดูแคลนวัฒธรรมประเพณีว่าเป็นของโบราณ ไม่เอาการยิ้ม ไหว้ครู การเรียกลุง ป้า น้า อา ซึ่งถือว่าเป็นรากของสังคมไทย ตลอดจนดูถูกดูแคลนประเทศไทย ส่วนตัวมองมองว่าคนที่ไม่ชอบไหว้ผู้ใหญ่ก็คือคนที่ไม่ชอบไหว้ผู้ใหญ่  จริงๆเขาอาจแค่ไม่ชอบการไหว้ หรือไม่ชอบวัฒนธรรมบางอย่าง แต่ก็ไม่น่าใช่คนชังชาติอยู่ดี

เมื่อมีปัญหาชอบพาต่างชาติเข้ามาวุ่นวายเรื่องภายใน ตลอดจนประจานประเทศให้คนต่างช่าติมายุ่ง ข้อนี้น่าคิด เพราะโลกวันนี้ไม่ได้เแบ่งเส้นเพียงเส้นเขตแดน แต่มีบางเรื่องที่เป็นปัญหาร่วมกัน เช่น สิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน ที่ไม่ว่าจะเกิดในประเทศใด ทุกคนทั้งโลกมีส่วนร่วมได้ คนเหล่านี้ไม่ใช่คนชังชาติ ไม่ใช่คนชังโลก แต่อาจจะเป็นคนโลกสวยที่อยากให้โลกนี้ดีขึ้นก็ได้

-มีพฤติกรรมทำลายความเชื่อมั่น และไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล ซึ่งเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความรักหรือชังชาติ

“ประเทศชาติปเหมือนทีมฟุตบอล มีผู้จัดการทีม นักบอล โค้ช แฟนบอล และสมาคมฟุตบอล มีหลายองค์ประกอบ คนหนึ่งคนอาจเชียร์ทีมหนึ่ง แต่บางเวลาเขาก็วิจารณ์ทีม โค้ช หรือผู้จัดการทีมนั้น บางเวลาก็ด่ากองเชียร์ด้วยกัน แต่เขาก็ยังสังกัดทีมนั้น เป็นแฟนทีมนั้น เขาไม่ได้ชังทีม แต่บางช่วงเวลาเขาอาจจะไม่พอใจบางอย่างก็ได้” น.ส.ณัฏฐากล่าว

ด้านนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด กล่าวว่า เวลาเราพูดถึงคนชังชาติ ไม่ได้พูดถึงคนต่างชาติ แต่พูดถึงคนไทยที่ชังชาติตัวเอง พูดถึงรากของคนไทย ส่วนตัวนอกจากเป็นคนไทยแล้วยังตระหนักเสมอว่า เป็นคน และสนใจความเป็นคนอย่างมาก ความเป็นคนไทยของสำหรับตนเป็นเพียงซับเซตของความเป็นคน ความเป็นคนมีมิติที่หลากมากกว่าความเป็นคนไทยซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด

“ถ้าเรายืนบนหลักคิดว่าเราเป็นคน ถ้ามีประเด็นเรื่องระหว่างความเป็นคนกับความเป็นคนไทย จะมีการประทะกันและเกิดการให้คุณค่า เช่น ผมวิพากษ์วิจารณ์การใช้แรงงานไทยและต่างด้าวในอุตสาหกรรมประมงเป็นแรงงานทาส ถูกหลอกไปอยู่บนเรือเป็นปีๆ ใช้กฎบนเรือ ไม่มีกฎหมาย เพราะอยู่นอกน่านน้ำ มีการใช้แรงงาน ละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีแบบนี้ถามว่าจะใช้หลักความเป็นไทยหรือหลักความเป็นคน”

นายสมบัติกล่าวว่า ส่วนตัวอยากเห็นคนไทยที่แฟร์ต่อมนุษย์ทุกคน บางคนบอกว่าแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในไทยแย่งงานคนไทย การสนับสนุนให้มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในไทย หรือการจ่ายค่าแรงเทียบเท่าคนไทย ถ้าทำอย่างนั้นจะแย่งงานคนไทย แต่อย่าลืมว่า แรงงานต่างด้าวมีผลต่อจีดีพี 0.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่มีแล้วเราอยู่ไม่ได้

“สรุปแล้ว ชังชาติ เป็นคำประดิษฐ์ ก่อนหน้านี่ยุคทักษิณ ขายชาติ พวกไม่รักชาติ พวกทำลายชาติ ยุค 6 ต.ค. คือ ต่างชาติ ที่อยู่ในธรรมศาสตร์ คือ แกว ชาติถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมือง เพราะคำว่าชาติเป็นจุดเกาะเกี่ยวของผู้คนในสังคมนั้นๆ ดังนั้นใครที่ละเมิดความเป็นชาติ ควรได้รับสิทธิที่จะถูกทำลาย เช่นเดียวกับคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด” นายสมบัติระบุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image