“ชูศักดิ์” ชี้ ทุกพรรคการเมืองควรสนับสนุน ตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบจาก ม.44 ถ้ายึดมั่นต่อสิทธิเสรีภาพของปชช.-เคารพหลักนิติธรรม
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รอวหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากการที่สภาผู้แทนราษฎร มีปัญหาการลงมติตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการออกคำสั่งตามมาตรา 44 ของคสช. จนในที่สุดองค์ประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ต้องล่มถึงสองครั้งติดๆกัน ฝ่ายรัฐบาลเองยังยืนยันว่าจะต้องล้มมติตั้งกมธ.ที่โหวตไปแล้วให้ได้ เรื่องนี้โดยส่วนตัวมองว่า ทุกฝ่ายควรจะมองว่า มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญช้่วคราว 2557 เป็นมาตราที่ให้อำนาจหัวหน้าคสช.ที่ใช้อำนาจได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งอำนาจออกกฎหมายซึ่งปกติต้องเป็นอำนาจของสภา แม้มีรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว คสช.ก็ยังคงใช้อำนาจนี้ได้ต่อไปตามบทเฉพาะกาลไปจนถึงการตั้งรัฐบาลใหม่ โดยรัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองการใช้อำนาจดังกล่าวว่าถูกต้องตาม กม.และรัฐธรรมนูญทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ซึ่งก็คือการตรวจสอบไม่ได้ การมีและใช้อำนาจตามมาตรา 44นั้น ต้องยอมรับกันว่าผิดหลักการประชาธิปไตย ผิดหลักการแบ่งแยกอำนาจ มาตรานี้คือมาตรา 17 สมัยจอมพลสฤษดิ์นั่นเอง ซึ่งผิดหลักนิติธรรม กระทบต่อสิทธิเสรีภาพ และหลักการพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แล้วหนีการตรวจสอบโดยนิรโทษกรรมตัวเองไว้ในมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนจึงเห็นว่าหากพรรคการเมืองทั้งหลายเข้าใจตรงกันว่าประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยึดมั่นและปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยดังที่ได้ประกาศเป็นนโยบายจดทะเบียนไว้ จึงควรจะพร้อมใจกัน ร่วมกันตั้งกมธ. ด้วยซ้ำไป ทั้งนี้ มาตรา 44 มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างกว้างขวางหลายกรณี หลายกรณีมีผลกรทบต่อระบบกฎหมายของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ การค้นหาผลกระทบดังกล่าวเพื่อหาทางเยียวยาแก้ไข ตนเองมองไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะต้องขัดขวาง นอกจากเหตุผลเดียวคือจะปกป้องคุ้มครองคสช.กันอย่างไม่ลืมหูลืมตาหรืออย่างไร
