บทนำ : ปาร์ตี้พรรครัฐ

ตั้งแต่เปิดสมัยประชุมสามัญของสภาผู้แทนฯ สมัยที่สองของปี 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นมา ปรากฏว่า สถานการณ์ของรัฐบาลเกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองและกลุ่มต่างๆ ในรัฐบาล อันเนื่องจากการดำเนินนโยบายหลักของแต่ละพรรค ได้แก่ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่งานกระทรวงเศรษฐกิจกระจายไปหลายพรรค นโยบายแก้รัฐธรรมนูญ และประกันรายได้พืชผลการเกษตรของพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุดยังได้แก่ ปัญหาการแบนสารพิษ 3 ตัวของพรรคภูมิใจไทย

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 เข้าสภา และรัฐบาลผลักดันผ่านวิปมิให้ ส.ส.รัฐบาลสนับสนุนญัตตินี้ ปรากฏว่าในการลงมติเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ฝ่ายค้านเป็นฝ่ายชนะ 236-231 วิปรัฐบาลขอนับใหม่ ก่อนที่ ส.ส.ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ทำให้การประชุมล่ม และวันรุ่งขึ้น ฝ่ายค้านได้วอล์กเอาต์อีกครั้งทำให้สภาล่ม ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ต่อไปได้ ขณะที่มีข่าวว่าในการลงมติมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลงมติสวนทางกับมติของวิปรัฐบาลด้วย

เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่ลงรอย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารร่วมกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่สโมสรสนามกอล์ฟ ราชพฤกษ์ ถนนวิภาวดีรังสิต ในวันที่ 3 ธ.ค.เวลา 17.30 น. ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.เข้าร่วมด้วย

การเมืองในระบบสภาขับเคลื่อนโดยฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งจะต้องประสานงาน รับฟังและร่วมมือกันด้วยเหตุด้วยผล ในระบบนี้ ผู้นำรัฐบาลจำเป็นต้องปรึกษาหารือกับฝ่ายต่างๆ เพื่อรับทราบความคิดความเห็นความจำเป็น เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ยิ่งรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำก็ยิ่งละทิ้งความคิดความเห็นของ ส.ส.ไม่ได้ เพราะหากไม่มีเอกภาพในพรรครัฐบาล รัฐบาลจะสูญเสียความเชื่อมั่นจากสังคมและจะส่งผลต่อการบริหารงาน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image