ต่อปัญหา “สภาล่ม” ไม่ว่านายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร ไม่ว่าประ ธานวิปรัฐบาล อันคุมเกมในสภาผู้แทนราษฎร มองปมของปัญหาสอด รับตรงกัน
นั่นก็คือ ชี้ไปยัง “ประชาธิปัตย์”
เห็นได้จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามเข้าประชิดติดกับทั้ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ในห้วง แห่งการออกงานพร้อมกันที่เมืองทองธานี
ถึงกับมีการเกาะกุมมือและเกี่ยวก้อยกันทั้งก่อนและระหว่างแถลงข่าว
ยิ่ง นายวิรัช รัตนเศรษฐ ยิ่งยืนยันอย่างหนักแน่น จริงจัง
“อยากขอให้พรรคประชาธิปัตย์รักษาองค์ประชุมให้ครบ ไม่ใช่ไม่พอใจแล้วไม่มาแล้วโหวตสวน”
การนัดมีตติ้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพรรคร่วมรัฐบาลโดยมีพรรคพลังประชารัฐเป็นเจ้าภาพ เป้าหมายจึงอยู่ที่พรรคประชาธิ ปัตย์เป็นด้านหลัก
ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ใช่พรรครวม พลังประชาชาติไทย
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
ความละเอียดอ่อนอยู่ที่อะไรคือปัญหาที่แท้จริง
ญัตติด่วนจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบประ กาศและคำสั่งคสช. และคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 อาจมิได้เป็นปมอย่างแท้จริง
หากน่าจะอยู่ที่ตำแหน่ง”ประธาน”คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาพิจารณาหาหลักเกณฑ์และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคพลังประชารัฐเคยปฏิเสธ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มากกว่า
หากแก้ตรงนั้นได้ทุกอย่างก็อาจจะราบรื่นเหมือนยืนบนเนินเขา
การต่อรองในเรื่อง “สภาล่ม” จึงมิได้อยู่ที่ฝ่ายค้าน หากแต่อยู่ระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน
เน้นก็คือ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์
พรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์จริงจังเป็นอย่างมากกับการผลักดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เข้ามา แสดงบทบาททางการเมือง
เมื่อพรรคพลังประชารัฐปิดประตูตายและส่ง นายไพบูลย์ นิติตะ วัน ออกมาดับเครื่องชน ความหงุดหงิดย่อมบังเกิด
และเมื่อหงุดหงิดก็ย่อมแผลงฤทธิ์สำแดงเดชให้เห็นเป็นธรรมดา