นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบความเป็นกลางในการทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่อพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า การทำหน้าที่ประธานที่ประชุมสภาของนายชวน หลีกภัย ในวาระการพิจารณาญัตติ ขอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้มาตรา 44 นั้น นายชวนได้ทำหน้าที่ถูกต้องตามข้อบังคับ และมีความเป็นกลางมากที่สุด เพราะการลงคะแนนในวันนั้นผลการลงคะแนน มีคะแนนที่ต่างกันไม่เกิน 20 คะแนน เมื่อนายวิรัช รัตนเศรษฐ ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติให้มีการนับคะแนนใหม่ ประธานที่ประชุมก็ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อที่ 85 จะหลีกเลี่ยงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ส่วนการจะตีความเรื่ององค์ประชุมเพื่อใช้สิทธิลงคะแนนครั้งใหม่นั้น จะใช้ผู้แสดงตน 470 คนเดิม หรือจะใช้องค์ประชุมใหม่ก็เป็นข้อวินิจฉัยของประธานที่ประชุม และข้อบังคับได้ระบุชัดเจนว่าให้ถือคำวินิจฉัยของประธานที่ประชุมเป็นที่สิ้นสุด
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนกรณีการยื่นให้มีการสอบสวนเรื่องความเป็นกลางของนายชวน ในการทำหน้าที่ประธานที่ประชุมต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตินั้น ก็ไม่ตรงกับบทบาทภาระหน้าที่ของคณะกรรมาธิการชุดนี้ เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริต ถ้าหากนายธีรัจชัย พันธุมาศ ยังติดใจและมีความต้องการจะให้สอบสวนความเป็นกลางในการทำหน้าที่ของนายชวนจริง ก็ควรจะไปยื่นเรื่องนี้ต่อคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งน่าจะตรงตามภารกิจและหน้าที่มากกว่าคณะกรรมาธิการชุดอื่นๆ
“ในฐานะที่ผมเป็น ส.ส.มาหลายสมัย เป็น ส.ส.รุ่นพี่ อยากจะแนะนำให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ซึ่งเป็น ส.ส.สมัยแรก ซึ่งอาจจะไม่เข้าใจข้อบังคับการประชุมสภา ไม่ทราบถึงประเพณีปฏิบัติในการประชุม กลับไปศึกษา หรือความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับและประเพณีปฏิบัติของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ถ่องแท้ ก่อนที่จะมายื่นเรื่องสอบสวนการทำหน้าที่ของประธานสภาต่อคณะกรรมมาธิการ ป.ป.ช.ในวันนี้” นายเทพไทกล่าว
