เอกซเรย์ 10งูเห่า ฝ่าดงกล้วย แหกมติวิปฝ่ายค้าน

หมายเหตุความเห็นนักวิชาการ กรณี 10 ส.ส.ฝ่ายค้านเสียบบัตรสนับสนุนองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการนับคะแนนใหม่ในญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 สวนมติวิปฝ่ายค้าน

ธเนศวร์ เจริญเมือง
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)

กรณี ส.ส.ฝ่ายค้าน 10 งูเห่า เสียบบัตรลงมติให้ครบองค์ประชุม เพื่อพิจารณาตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบคำสั่ง ม.44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รอบ 3 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ผ่านมาเป็นการแสดงเจตนาชัดเจนว่าสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล ที่ไม่ต้องการให้ตั้ง กมธ.ชุดดังกล่าว เป็นการจงใจเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง

การอ้างว่าลืมเสียบบัตรทิ้งไว้ เป็นเหตุผลฟังไม่ขึ้น เป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับมติของพรรค หรือความต้องการของประชาชน ที่เลือกเข้าไปทำหน้าที่ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนประชาธิปไตย และต่อต้านการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ หรือคนบางกลุ่ม

Advertisement

เรื่องดังกล่าวฝ่ายรัฐบาลได้แสดงท่าทีคัดค้านตั้ง กมธ.ดังกล่าว ตั้งแต่จัดเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว โดยจัดเลี้ยงอย่างใหญ่โต มี ส.ส.พรรคเล็กที่อ้างเป็น ส.ส.อิสระเข้าร่วมงาน เพื่อโอบอุ้มรัฐบาล โดยไปกินกล้วยเลี้ยงลิงจากพรรคใหญ่ งานนี้คงไม่ใช่กินกล้วยเป็นลูก แต่กินเป็นหวีหรือเครือใหญ่แบบอิ่มท้องแน่ เพื่อรวบรวมเสียงให้มากที่สุด เกินกึ่งของการประชุมสภาดังกล่าว

ส่วน ส.ส. 10 งูเห่า อาจถูกซื้อตัวหรือได้รับผลประโยชน์บางอย่าง แต่ไม่มีใครยอมรับ ทั้งคนซื้อและคนขายตัว เพราะเสียหายทั้งสองฝ่ายหรือไม่ เรื่องดังกล่าวฝ่ายรัฐบาลได้ส่งสัญญาณ ไปยังฝ่ายค้าน รวมทั้งประชาชนที่สนับสนุนประชาธิปไตยว่า ไม่ยอมแพ้ สะท้อนให้เห็นว่ายังยึดติดกับอำนาจและผลประโยชน์พวกพ้อง

ดังนั้นฝ่ายค้านควรประชุมเรื่องดังกล่าวเพื่อพิจารณาทบทวนอย่างจริงจัง พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเรียก ส.ส. 10 งูเห่า มาชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร มีเหตุผลน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ถ้าฝ่าฝืนมติพรรค กระทำผิดซ้ำซาก ควรมีบทลงโทษบ้างเพื่อความถูกต้องและไม่สวนทางกับเจตนารมณ์ประชาชนที่สนับสนุน

Advertisement

ที่สำคัญประชาชนที่เลือก ส.ส. 10 งูเห่าไปทำหน้าที่ ต้องใช้ดุลพินิจว่าควรให้โอกาสในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่

ผศ.ดร.พิชิต รัชตพิบุลภพ
ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต ม.ราชพฤกษ์

ในที่สุดแล้ว ที่ประชุมของสภามีมติไม่เห็นด้วยให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำของประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความเรียบร้อยแห่งชาติและการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ซึ่งผลของการลงคะแนนสะท้อนนัยสำคัญของพฤติกรรมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามมาในอนาคตทั้งในซีกของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน คือ พฤติกรรมแหกมติเลียนแบบ โดยมีประเด็นสังเกตที่เกิดขึ้นอยู่สองประเด็นคือ

ประเด็นแรกที่น่าสนใจกว่าผลของคะแนนคือ รายชื่อของนักการเมืองและรายชื่อพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่สนับสนุน หากพิจารณาเฉพาะขั้นตอนของการแสดงตนเพื่อนับเป็นองค์ประชุมนั้น ปรากฏว่ามีรายชื่อ ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านถึง 10 คน จาก 4 พรรคการเมือง ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคประชาชาติ

สิ่งนี้คงต้องมีคำอธิบายที่เหมาะสมระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไรและพฤติกรรมเลียนแบบดังกล่าวจะขยายวงกว้างออกไปยังพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือ ส.ส.อื่นอีกหรือไม่ในอนาคต ซึ่งปัญหาความเป็นเอกภาพทั้งในเรื่องของความร่วมมือระหว่างพรรคและผลของคะแนนเสียงยังคงเป็นปัญหาที่พรรคร่วมฝ่ายค้านต้องร่วมกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นแล้วความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพรรคจะถูกลดทอนลงไปเรื่อยๆ ซึ่งประโยชน์สุดท้ายจะตกอยู่กับรัฐบาล

เมื่อพิจารณาต่อไปถึงขั้นตอนของการลงคะแนนมีสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ถึง 4 ท่านที่เห็นด้วยให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว ภายใต้คะแนนเสียงที่ใกล้เคียงกันเช่นนี้ ผลของสิ่งที่เกิดขึ้นเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์คงต้องการสื่อสารอะไรบางอย่างไปยังพรรคลังประชารัฐที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังจากเหตุการณ์นี้หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันเพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของคะแนนเสียงได้ พฤติกรรมแหกมติเลียนแบบคงต้องเกิดขึ้นกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นในอนาคตเป็นแน่

ประเด็นที่สำคัญที่น่าขบคิดต่อมา ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมต้องร่วมกัน ช่วยกันตรวจสอบคือว่า พฤติกรรมแหกมติเลียนแบบนี้มีมูลเหตุที่แท้จริงของการเกิดพฤติกรรมคืออะไร สาเหตุที่เกิดขึ้นแตกต่างกันระหว่างบุคคลหรือระหว่างพรรคหรือไม่ และพฤติกรรมดังกล่าวเกิดจากความคิดตัดสินใจส่วนบุคคลหรือไม่ ซึ่งผลของเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการชี้ให้เห็นว่า ท้ายที่สุดแล้ว ลุงจะอยู่ได้ เพราะลุงอยู่เป็น และลุงจะอยู่อีกนาน

สุขุม นวลสกุล
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง

การปรากฏตัวของ ส.ส.งูเห่าอย่าไปมองว่าต้องมีการซื้อขายตัว แต่มีลักษณะของการทำหน้าที่ตามที่ตนเองคิด อีกประการคือมองไปข้างหน้า เพราะอาจต้องการไปทำงานร่วมกับรัฐบาล และต้องยอมรับว่าเมื่อรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำเหตุการณ์แบบนี้ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้บ่อย อาจทำให้ประชาชนมองว่าทำไมต้องไปกระชากฝ่ายค้านออกมา

ส่วน ส.ส.ฝ่ายค้านถ้าไปออกเสียงช่วยรัฐบาลคนก็มองว่าเป็นงูเห่าทรยศพรรค แต่อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์ ส.ส.ทำให้บางคนมองไปถึงอนาคตข้างหน้า อาจจะทอดไมตรีไว้เผื่อวันหน้าจะไปร่วมสังฆกรรม
สำหรับ ส.ส.ฝ่ายค้านที่ลงมติต่างจากที่พรรคกำหนดเกิดขึ้นแล้วหลายครั้งโดยเฉพาะ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่บางคน และแต่ละพรรคที่โดนลูกพรรคเบี้ยวมติไม่ลงมติไล่ออก เพราะกลัวว่าไล่ออกไปแล้ว จะเข้าทางเพื่อไปเพิ่มเสียงให้ซีกรัฐบาล เพราะถ้าถูกขับ ส.ส.รายนั้นจะไปสังกัดพรรคใหม่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
ส่วนพรรคเพื่อไทยก็อาจมีแนวคิดเดียวกัน หรืออาจจะมีปัญหาจากการวางตัวบุคคลเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในสนามการเมืองท้องถิ่นในเขตเลือกตั้ง เพราะเป็น ส.ส.พื้นที่แต่ไม่มีสิทธิในการกำหนดผู้สมัครในทีมงานจึงแสดงท่าทีออกมาตีรวน เผื่อพรรคจะเห็นความสำคัญบ้าง ถ้าไม่เอาตามที่เสนอไม่แน่ว่าอาจจะเปลี่ยนใจไปพรรคอื่น

หลังการโหวตญัตติมาตรา 44 จะมีผลไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเมื่อบิ๊กตู่ออกมาคำรามขู่จะยุบสภา พวกที่กลัวเลือกตั้งใหม่ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องอยู่ในความสงบ

ขณะที่ส่วนตัวเชื่อว่าบิ๊กตู่คงไม่ต้องการไปแสดงพลังในงานเลี้ยง ทำให้ถูกมองว่าเป็นผู้จัดการรัฐบาล โดยปล่อยให้บิ๊กป้อมทำหน้าที่ประสาน ตัวเองอยากเป็นนายกรัฐมนตรีของสภาที่ได้รับเชิญมาทำหน้าที่ ไม่ใช่คนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่สถานการณ์บีบคั้น ถ้าบิ๊กตู่ไม่ออกมาเองบ้าง การกำหนดทิศทางของ ส.ส.ซีกรัฐบาลอาจไม่แข็งแรงพอ และเมื่อออกมาแล้วก็ทำให้ผู้ที่ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระหายไปทันที แล้วอย่าไปถามหาหลักการใดๆ เพราะไม่มีหลักการมาตั้งแต่ต้น สังคมไม่ต้องคาดหวัง ขอให้เชื่อได้เลยว่าพรรคเหล่านี้เป็นพวกเดียวกับรัฐบาล

สำหรับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ต้องยอมรับการเข้าร่วมรัฐบาล บุคคลในพรรคที่ประสงค์จะเข้าร่วมไม่มีความเห็นที่เป็นเอกภาพ บางคนก็ไม่เต็มใจ จึงทำให้บางกลุ่มของพรรคออกมาเล่นบทบาทแต่ไม่ได้แผลงฤทธิ์จนเกินกว่าเหตุ เพียงทำให้มองดูว่ายังเป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในฝ่ายรัฐบาลได้

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยภาพรวม ส.ส.ทุกพรรคยังกลัวการยุบสภาไม่อยากเลือกตั้งใหม่ และต้องอยู่แบบทุลักทุเลไปแบบนี้ รัฐบาลอาจจะต้องจัดงานเลี้ยงทุกครั้งที่ต้องโหวตในเรื่องสำคัญเพื่อลดพลังการต่อรองจากเสียงปริ่มน้ำแบบนี้ ต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าอาจจะได้กล้วยกันเรื่อยๆ

นครินทร์ คีรีเพชร
นักวิชาการอิสระด้านกฎหมาย

การหา ส.ส.งูเห่าเข้ามาช่วยเหลือเพื่อประคับประคองไม่ให้สภาล่ม เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันเหมือนนั่งพายเรือในน้ำลึก ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เรือล่มก่อนถึงฝั่ง โดยมีเป้าหมายการทำงานให้ครบ 4 ปี และผลของการคว่ำญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลดชั้นลงมาสวมบทเป็นประธานวิปรัฐบาลด้วยตัวเอง เพราะประเมินว่าหากปล่อยให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือแกนนำ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐทำหน้าที่ประสานงานตามปกติจะมีปัญหายุ่งยากตามมา

ดังนั้นก่อนมีการโหวตจึงมีการจัดงานเลี้ยงเพื่อวัดพลังของพรรคที่สนับสนุน หวังจะประคับประคองรัฐบาลทำงานอีกระยะเพื่อสร้างผลงาน ทำให้ฝ่ายค้านอิสระหลายพรรคมีท่าทีกลับมาซุกปีกรัฐบาลเหมือนเดิม หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์สร้างภาพแสดงความสนิทสนมด้วยการ
กอดคอ ส.ส.เต้-มงคลกิตติ์ จึงเป็นที่มาของการพลิกลิ้น และที่ผ่านมายังไม่มีใครเคยเห็น พล.อ.ประยุทธ์กอดคอ ส.ส.คนไหนแม้แต่ในพรรคพลังประชารัฐ

ส่วน ส.ส.งูเห่าที่อยู่ในสภาเพื่อให้ครบองค์ประชุม ขณะรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ บางรายอาจถูกมองว่าใจไปอยู่กับรัฐบาลแล้ว โดยเฉพาะพรรคเล็กที่หัวหน้าพรรคไม่กินเส้นกับลูกพรรค ที่สำคัญ ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐก็มาจากพรรคเพื่อไทยหลายคน

ดังนั้น ส.ส.บางรายอาจประเมินว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ยาว ขืนอยู่กับฝ่ายค้านก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีอนาคต หรือถ้ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ก็อาจจะใช้ความสามารถเฉพาะตัวที่มีพลังในการต่อรองไปสังกัดพรรคใหม่ที่มีน้ำเลี้ยงดีกว่า

ขณะที่แรงสนับสนุนเดิมๆ ในพรรคเพื่อไทยอาจจะแผ่วลง เรื่องนี้คนในวงในจะทราบดี และ ส.ส.เดิมของพรรคที่ย้ายไปพรรคอื่น น่าจะสแกนพฤติกรรมของ ส.ส.เพื่อไทยที่มีจุดอ่อน จุดแข็งได้ดีพอสมควร จากนั้นจะเจาะกลุ่มเป้าหมายเข้าไปทาบทามด้วยแรงจูงใจบางประการ

หลังมีงูเห่าในลักษณะนี้จากการเสนอญัตติธรรมดาในเชิงสัญลักษณ์ น่าจะประเมินได้ว่าการอภิปรายไม่ไว้ใจ ฝ่ายค้านน่าจะต้องหนักใจพอสมควร ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ออกมาแสดงพลังเพื่อสร้างอภินิหารอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่จะมีกล้วยให้กินเป็นของแถมหรือไม่ เป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก นอกจากนั้นการวางกลไกของกฎหมายหลายเรื่อง ทำให้แนวโน้มการล้มรัฐบาลมีความยุ่งยาก โดยเฉพาะ 250 ส.ว.จากการแต่งตั้งยังหนุน พล.อ.ประยุทธ์อย่างชัดเจน

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องสนับสนุนรัฐบาลต่อไป เพราะไม่ต้องการไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ไม่ต้องการให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ การออกมาขับเคลื่อนของกลุ่มนายเทพไท เสนพงศ์ ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในทีมงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น่าจะเป็นการเปิดช่องให้พรรคมีโอกาสต่อรองเพิ่มขึ้น และการออกมาโหวตสวนมติพรรค ไม่มีปัญหาถูกลงโทษ เพราะเป็นการทำหน้าที่หนุนญัตติมาตรา 44 โดยมีเหตุผลที่ชัดเจน เลขาธิการพรรคอาจเรียกไปปรามพอเป็นพิธี แต่คาดโทษว่าในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่าแตกแถวอีก

เช่นเดียวกับพรรคฝ่ายค้านที่มี ส.ส.เสียบบัตรหนุนองค์ประชุมคงทำหน้าที่ในพรรคเดิมต่อไปแบบหวานอมขมกลืน เพราะพรรคต้นสังกัดคงไม่กล้าขับ เพื่อให้ไปสังกัดพรรคใหม่

แต่การปล่อยงูเห่าของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ น่าจะไม่ปกติ อาจเป็นการเดินเกมลึกเพื่อหวังจะสับขาหลอกในการโหวตช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ หรือเมื่อมีการอภิปรายเกิดขึ้นพรรคเพื่อไทยอาจจะมีงูเห่าเพิ่มขึ้นจากรอยร้าวเดิมๆ ภายในพรรค

รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล
คณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

โดยทั่วไป พรรคการเมืองไม่ใช่สโมสรโต้วาทีจึงต้องมีแนวทางของพรรค และ ส.ส.ต้องปฏิบัติตามมติของพรรค ยกเว้นว่า ส.ส.ตัดสินใจที่จะออกจากพรรค เช่นนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่โดยหลักการแล้วจะต้องมีการถกเถียงหรืออภิปรายภายในพรรคก่อน คนที่สวนมติพรรคต้องมีเหตุผลอย่างมาก หากตนเองไม่เห็นด้วยก็ควรลาออก ซึ่งกฎหมายมีช่องให้ ส.ส.ออกไปสังกัดพรรคใหม่ได้ ดังนั้น การกระทำเช่นนี้จึงขัดต่อมติพรรคและเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จะเรียกว่าเป็นงูเห่าก็ย่อมได้

ส่วน 4 เสียง ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่เสียบบัตรเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาล ส่วนตัวมองว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่เป็นเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว เวลาเดินเกมจะต้องกระจายพรรคร่วมไปอยู่ทางนู้น ทางนี้บ้าง ซึ่งก็เห็นว่าพรรคมีความไม่แน่นอนอย่างนี้ตั้งตอนที่ตั้งรัฐบาลแล้ว จึงไม่น่าประหลาดใจอะไร

การที่กลุ่มพวกเดียวกันขัดแย้งกันก่อนจะไปสู้กับคนข้างนอกนั้นเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคว่าจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค หรือดำเนินการกับ 10 คนนี้อย่างไร เป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการต่อสู้ทางการเมืองก็น่าเสียดายหากจะขับ ส.ส.เหล่านั้นออกทันที ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะรอดูก่อน ครั้งนี้ปล่อยไป โดยอาจมีการคาดโทษหรือมีการตั้งเงื่อนไขไว้

อย่างไรก็ตาม กรณีปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา และเป็นปัญหาเล็กน้อย ดีกว่าหันหน้าหาระบอบเผด็จการซึ่งจะยุ่งยากกว่านี้มาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image