เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยหลังถูกวิจารณ์จาก นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่าเลวร้ายมากกรณีการไปพูดเรื่องรณรงค์ปฏิรูปเกณฑ์ทหารในโรงเรียนพร้อม เปิดเผยหนังสือชี้แจงของ ผอ.โรงเรียนไผ่แก้ววิทยา จ.ฉะเชิงเทรา ที่ชี้แจงว่า นายจิรัฏฐ์ ไม่ได้ขออนุญาติก่อนกรณีการพูดเรื่องเกณฑ์ทหาร นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียลนั้น
นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่ความผิด กรณีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวชี้แจงว่า ไม่ได้ขออนุญาติก่อน ยืนยันว่าตนขออนุญาตแล้ว ในวันดังกล่าวเป็นการพบปะนักเรียน โดยปกติ ตนจะเข้าไปที่โรงเรียนดังกล่าวในทุกวันจันทร์ เพราะมีโครงการการให้ความรู้ด้านงานช่างแก้นักเรียนระดับมัธยมฯปลาย ซึ่งทำเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง วันดังกล่าวตามที่มีภาพปรากฎ ตนก็เข้าไปพูดเรื่องความรู้เกี่ยวกับงานในสภา กลไกสภา เล่าเรื่องประวัติ พัฒนาการสิทธิมนุษยชนในไทย การต่อสู้เรียกร้องต่างๆ เช่นเรื่องสิทธิเลือกตั้งของผู้หญิง การต่อสู้เพื่อสิทธิประกันสังคม โดยในช่วงท้ายก็พูดเรื่องการทำงานในสภาในฐานะ ส.ส.ของจังหวัด และก็มีเรื่องร่างกฎหมายปฎิรูปเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ที่ส.ส.ของพรรคนำเสนอต่อสภา หลักๆเป็นเรื่องการให้ความรู้เกี่ยวกับการเมืองเบื้องต้น
เมื่อถามว่า กรณี รมว.ศธ. เรียกร้องให้หยุดใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ไม่น่าจะใช่ความผิดอะไร การรณรงค์ดังกล่าว เป็นการพูดด้วยเหตุผล สันติ ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย เด็กนักเรียนที่ฟัง ทุกคนก็มีวุฒิภาวะ บรรลุนิติภาวะแล้ว แล้วเรื่องการเกณฑ์ทหาร รัฐมนตรี หรือ ทหาร ไม่ไช่ผู้ได้รับผลกระทบ แต่เด็กๆต่างหาก ที่ได้รับผลกระทบ โรงเรียนควรเป็นพื้นที่สาธารณะ ที่เราควรพูดถกเถียงอย่างสันติได้
“ขอตั้งคำถามว่า ทหารต่างหากที่ผูกขาดการให้ข้อมูลด้านเดียวมาโดยตลอด มีระบบการเรียน รด. อย่างที่ฉะเชิงเทรา ล่าสุดมีการทำหนังสือให้โรงเรียนมัธยมฯ ส่งตัวแทนนักเรียนโรงเรียนละ 3 คน เข้าไปฟังการบรรยายเรื่องความมั่นคง อุดมการณ์เกี่ยวกับทหาร ก่อนเข้าห้องประชุม มีการเก็บมือถือนักเรียนทุกคนห้ามนำเข้าห้อง ไม่ให้ถ่ายรูป นี่คือการให้ข้อมูลด้านเดียวมาตลอด แบบนี้ไม่ผิดหรือ” นายจิรัฏฐ์ กล่าว
ส่วนกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต.ส.ส.พิษณุโลก วิจารณ์การกระทำดังกล่าวว่า ชังชาติ นั้น นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวไม่ใช่ชังชาติ แต่คือรักชาติต่างหาก อย่างโรงเรียนที่ตนไป ก็พบปัญหาชัดเจน นักเรียนมัธยมปลายมีประมาณ 60-80 คน ส่วนใหญ่ไม่ได้ร่ำรวย จากการสอบถาม มีคนเรียน รด.แค่ 3 คน และใน 3 คนนั้น มี 2 คน เป็นผู้หญิง พบว่า ค่าใช้จ่ายในการเรียนรักษาดินแดนค่อนข้างสูง ต้องเดินทางไปต่างอำเภอ อย่างวันเสาร์ หรือ อาทิตย์ นักเรียนส่วนใหญ่ก็ต้องช่วยงานบ้าน หารายได้เพิ่ม นี่คือเหตุผล ที่หลายคนไม่ได้เรียน รด.
“การพูดเรื่องยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร กลับมีประโยชน์ เพราะนักเรียนมัธยมฯต่างจังหวัด หลายคนไม่มีโอกาสเรียน รด. ที่น่ากังวลคือ หลายคนจบชั้นมัธยมฯ ก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ ต้องเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม แต่กลับไม่สามารถเข้าทำงานหารายได้เพื่อครอบครัวได้ เพราะ โรงงานส่วนใหญ่ มีเงื่อนไขคือ ต้องผ่านการเกณฑ์ทหารก่อน ถึงจะเข้าทำงานได้ จากมุมนี้ เราเสียโอกาสไปมากเท่าไหร่ กับการบังคับเกณฑ์ทหาร หมอวรงค์ต่างหาก ที่นำรูปเด็กๆไปลงแล้ววิจารณ์ ทั้งที่รูปนั้น เป็นรูปการทำกิจกรรมทำกระทงด้วยวัสดุธรรมชาติ เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ย. เท่านั้น ไม่ใช่ล้างสมองอะไรเลย” นายจิรัฏฐ์ กล่าว
และว่า “การรณรงค์อย่างสันติมันควรทำได้ ผมจะไปล้างสมองเด็กได้อย่างไร ล้างจานยังแทบไม่เกลี้ยงเลย”
ส่วนอนาคตนั้น นายจิรัฏฐ์ ยืนยันว่าจะเดินหน้าพูดเรื่องนี้ต่อเมื่อมีโอกาส เพราะหากหยุดดำเนินการก็เท่ากับยอมรับการการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด หากโรงเรียนไม่ให้เข้าก็จะพูดทุกที่ที่มีโอกาส อาจยืนหน้าโรงเรียนก็ได้ หรือเข้าไปพูดในโรงเรียนเอกชนที่ไม่มีปัญหาก็ได้
