09.00 : INDEX “ชัยชนะ” บนพื้นฐานแห่ง “งูเห่า” เป็นความภูมิใจ หรือความอัปยศ

ขณะที่ทาง 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างสูงที่มีการระบุว่า กรณี “งูเห่า” เกิดจากการต่อรองและกดดันในเรื่อง “คดีความ”

“จะเป็นการสร้างรั้วที่ขวางทางเดินของส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลในเรื่องคดีความและกระบวนการยุติธรรม”

ขณะเดียวกัน ในอีกทาง 1 ก็มีการเคลื่อนไหวจากปีกทางด้านพรรคพลังประชารัฐที่ไม่เพียงแต่จะเชิญ “งูเห่า” จากบางพรรคการเมือง เข้าร่วมในรัฐบาล หากแต่ยังมีการยื่นหนังสือต่อกกต.ให้มีการสอบกรณีส.ส.พรรคฝ่ายค้านละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

โดยถือกรณีที่เกิดขึ้นในวันที่ 27-28 พฤศจิกายน และในวันที่ 4 ธันวาคม มาเป็นตัวอย่าง
จึงยิ่งทำให้กรณี “งูเห่า” เพิ่มความสลับซับซ้อนเป็นอย่างสูง

Advertisement

รูปธรรมหนึ่งซึ่งสะท้อนให้เห็นลักษณะดับเบิลสแตนดาร์ดและ 2 มาตรฐานทางการเมืองจากการอยู่ในที่ประชุมสภาของ ส.ส.คนหนึ่งสังกัดพรรคพลังประชารัฐ

ทั้งๆ ที่ต้องคดีจากคำพิพากษาของศาลและศาลได้ออก “หมายจับ”

กลายเป็นคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมโดยตรง

Advertisement

ถึงกับมีการตั้งสมมติฐานว่า หากส.ส.คนนั้นไม่ได้สังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่สังกัดพรรคฝ่ายค้านไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ จะได้อภิสิทธิ์เท่าเทียมกันหรือไม่

ยิ่งกว่านั้น ยังมีกรณีของอดีตส.ส.บางคนที่เคยสังกัดพรรคเพื่อไทยเมื่อเปลี่ยนไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐที่เคยติดคดีก็ได้รับ “อภินิหาร” ให้รอดพ้นอย่างเห็นได้ชัด

เท่ากับตอกย้ำซ้ำอีกคำรบหนึ่งจากกรณี “งูเห่า” ล่าสุด

กรณี “งูเห่า” อันเลื้อยออกมาสำแดงตัวตนในการประชุมสภาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม อาจทำให้ 1 ครบองค์ประชุม ไม่ต้องประสบสภาวะ “สภาล่ม” เป็นครั้งที่ 3 ให้ได้รับความอัปยศอดสู

กระนั้น กรณีเดียวกันนี้ก็ได้กลายเป็น “รอยบาป” อย่างใหญ่หลวงในทางการเมือง

ถือได้ว่าเป็น “ชัยชนะ” อันได้มาโดยไม่คำนึงถึง “วิธีการ”

ถือได้ว่าเป็น “ชัยชนะ” อันมีฐานมาจากการใช้อามิสและบรรณาการในทางการเมือง

เป็นการเล่นการเมืองโดยไม่ได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image