ทำงานไว! กกต.จ่อวินิจฉัยสิทธิสมัครส.ส. ‘ธนิก มาสีพิทักษ์’ ถูกร้องขาดคุณสมบัติ

กกต. เตรียมวินิจฉัยสิทธิสมัครส.ส. “ธนิก มาสีพิทักษ์” หลังผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้องคัดค้านคุณสมบัติ ชี้มีลักษณะต้องห้ามเหตุมีชื่อเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อเพี่อไทย

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม นายอภินันท์  จันทร์อุปละ  ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า จากกรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 7 จ.ขอนแก่น ได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.เขต 7 แทนตำแหน่งที่ว่างครบทั้ง 4 คนที่ยื่นสมัครไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปรากฏว่าในวันที่ 6 ธันวาคม ได้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งยื่นคัดค้านประกาศของผู้อำนวยการเขตเลือกตั้งที่ 7 โดยเห็นว่านายธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครเนื่องจากมีชื่อเป็นผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ทางสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดขอนแก่น จึงได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ส่งไปยังสำนักงาน กกต.กลางเพื่อให้เสนอเรื่องให้ กกต.กลางพิจารณา ซึ่งคาดว่า กกต.จะมีการวินิจฉัยชี้ขาดภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าว ก่อนการเปิดรับสมัครเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พรรคเพื่อไทยได้มีหนังสือขอหารือมายัง กกต.เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนว่า ผู้มีชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วจะสามารถไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งในการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างได้หรือไม่ แต่ กกต.ก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ระบุเพียงว่า เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ต้องพิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ถูกต้องครบถ้วน  ซึ่งในการยื่นสมัครของนายธนิกต่อ ผอ.กกต.ประจำเขตเลือกตั้งที้ 7 จ.ขอนแก่น ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนั้นก็มีรายงานว่า นอกจากนายธนิกจะยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนดแล้ว นายธนิกยังยื่นหนังสือขอถอนชื่อจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อด้วย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในการพิจารณาของที่ประชุม กกต.ขณะนั้น มีความเห็นเป็น 2 ทาง โดยทางหนึ่งเห็นว่า ไม่สามารถลงสมัครได้ เนื่องจากตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 43  ได้เขียนล็อกไว้ให้ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตที่พรรคส่งสมัครนอกจากจะลงสมัครรับเลือกตั้งเกินหนึ่งเขตมิได้ ยังต้องไม่เป็นบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ขณะเดียวกันผู้ที่มีชื่อเป็นผู้สมัครในบัญชีรายชื่อมีโอกาสได้รับการเลื่อนลำดับเป็น ส.ส.อยู่ตลอด จะอ้างว่าผลการเลือกตั้งแบบเขตของพรรคเพื่อไทยโอเวอร์แฮงก์ ไม่มีโอกาสที่ ส.ส.ระบบบัญชีแล้วผู้สมัครจึงสามารถไปลงในระบบเขตได้คงไม่ถูกต้อง  เพราะคะแนนเสียงในระบบบัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองนั้นจะยังมีโอกาสขยับได้หากมีการเลือกตั้งจากเหตุทุจริตภายใน 1 ปี ซึ่งขณะนี้ยังไม่พ้นระยะเวลาดังกล่าว ขณะที่อีกทางหนึ่งเห็นว่า เมื่อการประกาศผลการเลือกตั้งแล้วก็ถือว่าการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม ได้จบสิ้นไป ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อก็น่าจะสามารถไปลงสมัคร ส.ส.ในระบบเขตเลือกตั้งที่มีการเลือกตั้งซ่อมได้  ซึ่งคาดในการประชุม กกต.วันที่ 11 ธันวาคมนี้ที่ประชุมจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว เนื่องจากจะเป็นการประชุมเพียงวันเดียวของสัปดาห์นี้ โดยมาตรา 51 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กำหนดว่า กรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือผู้สมัครผู้ใดเห็นว่าผู้มีชื่อในประกาศรายชื่อที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตได้ประกาศให้เป็นผู้สมัคร ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อ กกต.ภายใน 7 วันนับแต่วันประกาศรายชื่อ  ในกรณีที่ กกต.มีคำวินิจฉัยให้ถอนการรับสมัครของผู้ใดให้ผู้นั้นมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัย กกต.ต่อศาลฎีกาได้ภายใน 3 วันนับแต่วันที่ถูกถอนการรับสมัครและในกรณีที่ศาลฎีกายังไม่ได้มีคำวินิจฉัยเป็นประการใดก่อนวันเลือกตั้ง ให้การพิจารณาเป็นอันยุติ และให้ดำเนินการเลือกตั้งไปตามคำสั่งของ กกต. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 7 จ.ขอนแก่น แทนตำแหน่งที่ว่าง มีผู้สมัครทั้งสิ้น 4 คน คือนายธนิก พรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 นายสมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 2  พ.ต.อ.กิตติกรู กาญจนสกุล  พรรคเสรีรวมไทย หมายเลข 3 และนายสุทัศน์ ผลบุญ พรรคพัฒนาชาติ หมายเลข 4

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image