‘นปช.’ ร้อง’ยูเอ็น’ ถูกเบรกศูนย์ปราบโกงฯ ‘จตุพร’โวย’บิ๊กตู่’ไม่รักษาคำพูด ห่วงปชต.ไม่ยึดสากล-เล็งยื่น “อียู” ต่อ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 มิถุนายน ที่องค์การสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนิน นายจตุพร พรหมพันธฺุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.เดินทางมาในชุดสีดำเพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ หรือ “ยูเอ็น” เรื่องการคุกคามศูนย์ปราบโกงประชามติตามนัดหมาย

นายจตุพร กล่าวว่า “มาตามนัดขององค์การสหประชาชาติเพื่อรายงานการปิดศูนย์ปราบโกงฯและการละเมิด สิทธิมนุษยชน และอยากให้เสียงไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหารด้วยที่ได้ตระบัดสัตย์จากการที่พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงศูนย์ปราบโกงฯ 4 ครั้ง บอกให้เปิดได้ 3 ครั้ง ขณะที่ศูนย์เปิดได้ 47 แห่ง เปิดไม่ได้ 29 แห่ง ส่วนประชาชนที่ใส่เสื้อดำถ่ายภาพลงเฟซบุ๊กศูนย์ปราบโกงฯกลับถูกตำรวจและทหาร เรียกตัวในลักษณะข่มขู่คุกคาม บางคนถูกปล่อยตัวและบางคนถูกส่งฟ้องศาลทหาร อยากบอกพล.อ.ประยุทธ์ว่าท่านเป็นนายกฯที่ไม่รักษาคำพูดแต่สิ่งที่ควรเหลืออยู่ คือความเป็นมนุษย์ ขอเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ว่าจงหยุดคุกคามประชาชน ให้มาคุกคามผมและคณะแทน การเป็นผู้นำควรมีเกียรติ ผมไม่ได้วิตกในชะตากรรมตัวเอง แต่ต้องการทำสิ่งดีงามให้ประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตย”

นปช.

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราตั้งใจเล่าความจริงให้องค์การสหประชาชาติรับทราบว่าบรรยากาศการทำประชามติของไทยไม่เหมือนที่ใดในโลก ไม่มีเสรีภาพให้ประชาชนได้แสดงออก ความพยายามมีส่วนร่วมของประชาชนถูกตีค่าเป็นขบวนการนอกกฎหมายราวกับเป็นอาญาแผ่นดินที่อำนาจรัฐต้องเข้ามาจัดการ เราไม่ได้จะเอาเวทีนี้มาประจานแต่ไม่รู้จะไปร้องกับใคร รัฐมองเราเป็นฝ่ายตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง วันนี้ความผิดเดียวที่มีคงผิดเพราะมีหน้าตาแบบพวกผมที่ไม่สบอารมณ์ผู้มีอำนาจ

Advertisement

“การทำประชามตินอกจากจะไม่มีเสรีภาพแล้วยังมีการเลือกปฏิบัติชัดแจ้ง อย่างในหลักฐานที่กกต.ลงโฆษณาหนังสือพิมพ์ว่าจะมีการจัดเวลาออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์หลายสถานี เป็นเวลาทั้งหมด 13 วัน ไม่ต่อเนื่องกัน โดยจะมีคนจาก กกต. กรธ. สนช. ออกอากาศ 10 วัน คุณถาวร เสนเนียม คนจาก กปปส. 1 วัน อีก 2 วันเป็นบุคคลที่มีแนวโน้มเห็นคล้อยตามร่างรัฐธรรมนูญ นี่คือแผนหาเสียงที่อ้างกลยุทธ์ทางการเมืองอย่างแยบคาย เหมือนเวลาพรรคการเมืองหาเสียง ผมไม่ได้อยากออกทีวีกับกกต. นี่คือการเปิดกว้างให้คนฝ่ายเดียว แต่ปิดกั้นคนอีกฝ่าย แบบนี้ศูนย์ปราบโกงจะเรียกร้องความโปร่งใสกับใครได้ การทำประชามตินี้ยิ่งกว่าคลุมถุงชน แต่เป็นการมัดมือมัดเท้าปิดตาปิดปากและคลุมถุง

“อีกเรื่องคือพอมีข่าวการจับกุมศูนย์ปราบโกงฯ คนที่รับใช้คสช.ก็ออกมาซ้ำเติม อย่างคุณเสรี สุวรรณภานนท์ คุณวันชัย สอนศิริ ถ้าเปรียบอำนาจเผด็จการเป็นโลงผุ คนรับใช้เผด็จการก็คงเป็นผีเน่า คุณวันชัยเองก็เคยสมัครลงเลือกตั้งแต่ได้คะแนนไม่กี่พัน คงจะพานทำให้เกลียดระบบเลือกตั้ง” นายณัฐวุฒิกล่าว

นปช.

ด้านนางธิดากล่าวว่า มีเรื่องจะประกาศกับองค์การสหประชาชาติ 2 เรื่อง 1.การละเมิดสิทธิมนุษยชน ในการปิดศูนย์ปราบโกงฯมีการคุกคาม ตามไปจับโดยดูจากภาพบังคับให้มวลชนบอกชื่อแกนนำ หลอกล่อให้ออกมาช่วยแต่มาแล้วโดนรวบตัว ตอนนี้ที่ปทุทธานีมีคนต้องขึ้นศาลทหารอยู่ 4 คน โดยเรามีภาพการคุกคามไปแสดงกว่า 30 ภาพ นี่ไม่ใช่การนำต่างประเทศมาแทรกแซง แต่กติกาของโลกมีอยู่เป็นช่องทางการใช้สิทธิของประชาชนในกติการะหว่าง ประเทศ 2.การทำประชามติครั้งนี้มาตรฐานไม่เป็นสากล พื้นที่แสดงความเห็นไม่มี

ส่วนการที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะให้ไปร่วมกับกกต.ในการจับตาประชามตินั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จะเข้าไปร่วมได้อย่างไร เมื่อกกต.ไม่เคยแสดงออกว่าพวกตนเป็นคนที่มีส่วนร่วมกัน กระบวนการนนี้ กกต. เอาแต่คนที่คุยได้เท่านั้น ส่วนการทำงานด้านโซเชียลของศูนย์ปราบโกงฯจะทำต่อไป โดยมีทั้งการเผยแพร่ข้อมูลและเป็นช่องทางให้ประชาชนส่งข้อมูลและทางศูนย์จะตรวจสอบหลักฐาน ถ้าหนักแน่นพอจะส่งต่อไปยังกกต.

นปช.

ต่อมาเวลา 12.40 น. นายจตุพรให้สัมภาษณ์หลังการหารือกับข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสห ประชาชาติว่าได้คุยกันถึงเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนและคุยถึงเรื่องการให้มา สังเกตการณ์ประชามติโดยข้าหลวงใหญ่ฯแนะนำให้แจ้งไปที่หน่วยงานของสหประชา ชาติที่มีหน้าที่สังเกตการณ์โดยตรง ที่ผ่านมาทางข้าหลวงให้มีการสังเกตการณ์เรื่องการละเมิดสิทธิมาโดยตลอด และมีการแถลงท่าทีเป็นระยะ

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นับเป็นความสบายใจที่ผ่านมาทางองค์การสหปรึชาชาติมีความสนใจและติดตาม สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทยอย่างต่อเนื่อง และยังบอกด้วยว่าในวันจันทร์ที่ผ่านมามีการประชุมข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ ได้แสดงความห่วงใยในสถานการณ์การละเมิดสิทธิและการเปิดพื้นที่แสดงความเห็น โดยเฉพาะเรื่องประชามติ แต่ส่วนตัวไม่เห็นข่าวนี้ในไทย ฝ่ายต่างประเทศของรัฐบาลคงทราบเรื่องแล้ว แต่ยังไม่มีการตอบสนองจากทางรัฐบาล
“ผมเป็นคนไทยไม่มีทางฝักใฝ่อำนาจชาติอื่น ขออย่าได้มีคนในรัฐบาลกล่าวหาว่าเป็นการชักศึกเข้าบ้านอีก เราเพียงเรียกร้องเสรีภาพเท่านั้น” นายณัฐวุฒิกล่าว

ด้านนางธิดากล่าวว่าทางข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ มีการติดตามเรื่องและอยากรู้รายละเอียดการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เป็นรูปธรรม มากขึ้น ส่วนประเด็นที่จะให้ทางองค์การสหประชาชาติมาร่วมสังเกตการณ์ในการทำประชามติ เขาแนะนำให้ทางเราทำหนังสือถึงบัน คีมุน ดังนั้นเราคงต้องมาพบยูเอ็นอีกครั้ง จะมาเมื่อไร่นั้นจะแจ้งให้ทราบอีกที ส่วนเรื่องการปิดศูนย์ปราบโกงนั้นได้แจ้งรายละเอียดไปหมดแล้ว
ด้านนายเหวงกล่าวว่าทางข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯยังบอกว่ามีองค์กรที่ใส่ใจ เรื่องการทำประชามติและการเลือกตั้ง จึงแนะนำให้ไปยื่นกับทางอียูด้วย เพื่อให้เข้ามาสังเกตการณ์ประชามติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image