‘ธนาธร’ ปลุกคนอีสานร่วม ‘วิ่งไล่ลุง’ ชี้แก้ปัญหาโครงสร้างต้องไล่ รบ.สืบทอดอำนาจก่อน 

‘ธนาธร’ ปลุกคนอีสานร่วม ‘วิ่งไล่ลุง’ ชี้แก้ปัญหาโครงสร้างต้องไล่ รบ.สืบทอดอำนาจก่อน

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่วัดป่าสระแก้ว บ้านกุดเซียงหมี ต.กุดเซียงหมี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดเวทีรับฟังข้อเสนอเชิงนโยบายที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีเครือข่ายองค์กรประชาชนแก้ไขปัญหาที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาคอีสาน 20 จังหวัด 98 เครือข่าย ประมาณ 2,000 คน เดินทางมายื่นหนังสือ อาทิปัญหาผลกระทบจากทำเหมืองแร่ และปัญหาหาผลกระทบจากการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลพร้อมทั้งมี นายเลื่อน ศรีสุโพิ์ อายุ 55 ปี อ่านประกาศเจตนารมณ์ เครือข่ายองค์กรต่อประชาชนแก้ไขปัญหาที่ดินฯและได้มีการลงนามข้อปฏิบัติร่วมกันของสังคม

นายพิธากล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมามีนโยบายท้วงคืนผืนป่าของรัฐบาลที่ทำให้เกิดความเดือนร้อนของประชาชนทั่วประเทศโดยเฉพาะพี่น้องทางภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องป่าสงวน เรื่องอุทยานและที่สาธารณะประโยชน์ ตั้งแต่ที่ตนเป็นประธานกรรมาธิการที่ดินฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนมาเกือบ 1 ล้านไร่แล้ว ประเทศไทยมีแต่ความ 2 มาตรฐานและความอยุติธรรม วันนี้พวกตนและ ส.ส.ภาคอีสานพรรคอนาคตใหม่ จะได้มาท้วงความยุติธรรมคืนให้พี่น้องภาคอีสาน คืนความยุติธรรมในเรื่องของที่ดินให้กับเครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน คืนความยุติธรรมให้กับเครือข่ายเหมือง และคืนความยุติธรรมจากนโยบายไบโอฮับจากเรื่องของน้ำตาล

นายพิธากล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องของที่ดินในประเทศไทยนั้น พวกเราต้องส่งเสียงดังๆ ไปบอกกับรัฐบาลว่าการรที่ประชาชนจะทำมาหากินในพื้นที่ของตนเองไม่ใช่อาชญากรรม นโยบายเรื่องของที่ดินของภาครัฐทุกวันนี้เห็นคนจนเห็นยากไร้เป็นอาชญากรแต่อุ้มผู้มีอำนาจ ทำไมผู้มีอำนาจมีสิทธิรังวัดที่ดินเป็นครั้งที่ 2 ทำไมผู้มีอำนาจมีโอกาสคืนที่ดินแล้วก็จบกันไป แต่หากเป็นคนยากไร้ในประเทศนี้มี 8 หมื่นคน ที่โดนคดีเกี่ยวกับป่าไม้ ความเป็น 2 มาตรฐาน ควรจะหยุดได้แล้ว หากรัฐบาลจะทำเขตเกษตรกรรมพิเศษให้ประชาชนเข้าไปใช้พื้นที่ แต่กลับไปทำให้ต่างชาติมาเช่าที่ดินทำเป็นเขตเศษฐกิจพิเศษได้ แต่ทำไมทำให้คนไทยด้วยกันไม่ได้

Advertisement

ต่อมาเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมาถึงได้มีประชาชนจำนวนมากมารอต้อนรับและให้กำลังใจพร้อมชูป้ายเขียนข้อความว่า “ธนาธร สู้ๆ” “กลัวที่ไหน”  “ไม่ถอย ไม่ทน”

นายธนาธรกล่าวทักทายประชาชนว่า ผู้ถูกกดขี่เอย ขอบคุณพี่น้อง ที่มากับชูแผนกระดาษที่เขียนคำว่า “กลัวที่ไหน” วันนี้มาคุยเรื่องความเดือนร้อนของประชาชนที่เกี่ยวกับการแยกชิงทรัพยากรธรรมชาติระหว่างประชาชนกับภาครัฐ ระหว่างประชาชนกับกลุ่มทุน ตนอยากบอกว่าในภาคอีสานเป็นภาคที่รับรู้ถึงความขมขื่นและความยากจนมานาน พี่น้องเคยได้ยินเพลงนี้ไหม”คนบ้านเดียว มองตากันก็เข้าใจอยู่”เข้าใจอะไรหมายถึงเข้าใจความทุกข์ยากความลำบากยากเข็ญและการที่ต้องต่อสู้กับฟ้าฝน ต่อสู้กับอำนาจรัฐและอำนาจทุนเพื่อจะได้ที่ดิน น้ำ ป่า และทรัพยากรที่เพียงพอในการดูแลลูกหลาน นี้คือการเข้าใจความเจ็บปวด ไม่ใช่เข้าใจความสุขสบายนี้คือประวัติของคนอีสานเป็นประวัติการต่อสู้ของผู้ทุกข์ยาก ที่พวกเรามาร่วมกันอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของการต่อสู้ของคนอีสาน

“ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปี ก่อนสมัยที่รัฐไทยเริ่มสร้างรัฐก่อตัวเป็นประเทศไทยขึ้นมา มีพี่น้องชาวอีสานต้องสงส่วยส่งแรงงานเข้าไปและก็มีการลุกขึ้นมาต่อสู้ในนามของ กบฏผีบุญ อย่าลืมว่ารัฐไทย อยากให้คนรุ่นใหม่ลืมกบฏผีบุญ ลืมการต่อสู้กับผู้มีอำนาจเขาอยากให้พวกเรายอมสยบกับพวกเขา หลังจากนั้น มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ได้มี ส.ส.จากภาคอีสาน 3 คน ได้ถูกลอบสังหาร เนื่องจากสนับสนุนการต่อสู้ของ นายปรีดี พนมยงค์ หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในยุคแรกๆ เมื่อต่อสู้พูดจากันดีๆ ไม่ได้ ก็มีพี่น้องภาคอีสานอีกที่ลุกมาต่อสู้กับอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม เข้าป่าสนับสนุนการต่อสู้เรียกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลังจากป่าแตกพ่อแม่พี่น้องชาวอีสานก็ยังไม่รับการเหลียวแลจากภาครัฐส่วนกลาง จึงพากันลุกขึ้นมาท้วงคืนที่ดินทำกินของตัวเองในนามสมัชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน ปี 2530 หลังจากนั้นปี 2540 สมัชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสานปรับเปลี่ยนตัวเองการเป็นสมัชชาคนจน ประกอบด้วยพ่อแม่พี่น้องหลายส่วนประกอบด้วยเรื่องเขื่อน เรื่องที่ดิน เรื่องโรงงานอุตสาหกรรม ทุกภาคร่วมตัวกันกลายเป็นสมัชาคนจน” นายธนาธรกล่าว

Advertisement

นายธนาธรกล่าวต่อว่า เมื่อมีการต่อสู้เรียกร้องเรื่องประชาธิปไตยและความถูกต้อง ไม่ว่าจะยุคต่อสู้กับเผด็จการ 6 ตุลาคม, 14 ตุลาคม, พฤษาคม 35 ในเมษายน หรือพฤษภาคม 53 คนที่เสียชีวิตคนที่อยู่แนวหน้าก็เป็นลูกหลานชาวอีสาน ดังนั้นพ่อแม่พี่น้อง ที่อยู่ที่นี้พูดคุยกับผู้คนที่ถูกเหยียดย่ำและกดขี่มายาวนาน พวกเราชาวอนาคตใหม่ ขอส่งกำลังใจให้และขอประกาศว่าการต่อสู้กับความอยุติธรรมเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน มาที่นี่มาให้กำลังใจและมาแสดงพลังร่วมกันว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแก้ไขปัญหาจริง หลายคนมาเพราะปัญหาท้วงคืนผืนป่า

นายธนาธรกล่าวต่อว่า ขอเล่าประวัติศาสตร์การแย่งชิงทรัพยากรเมื่อปี 2534 คณะกรรมการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรรายย่อยที่อยู่ในพื้นที่ป่าอุทยานเสื่อมโทรม (คจก.) มีการแอบอ้างในการจัดสรรป่าเพื่อเอาที่ดินคืนจากประชาชนและนำไปให้กลุ่มนายทุนหรือนายทหารเหมือนกับที่เกิดในปัจจุบันและก็มีวิธีการเดียวกัน ไม่ได้ใช้เสียงการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนแต่ใช้ทหารถือปืนมา เช่น โครงการท้วงคืนผืนป่า เพราะคนที่มาท้วงคืนเป็นทหารในเครื่องแบบ ตอนเด็กๆ เขาสอนให้ตนท่อง “ก-ฮ” แต่พอถึง “ท” เขาบอกว่า ท อดทน ท่องถึง “ฅ” เขาบอกว่า ฅ ขึงขัง มาถึงยุคนี้ตนไม่รู้ว่าใครต้องขึงขังหรือใครต้องอดทน แต่ตอนนี้ประชาชนต้องอดทนกับทหารที่ขึงขัง โลกนี้มันกลับตาลปัตรไปหมด นี้คือวิธีคิดของรัฐทหารและฝ่ายความมั่นคง ไม่ว่าจะเกิดจากคณะ รสช.ที่ทำรัฐประหารในปี 2534 หรือจะเกิดจากคณะ คสช.ที่ทำรัฐประหารในปี 2557 คิดเหมือนกันหมด ท้วงคืนผืนป่าในวันนี้คือภาค 2 ของ คจก.ในวันนั้น ซึ่งคนที่เดือนร้อนคือพวกเรา พวกเราไม่มีอำนาจ ไม่มีรถถัง ไม่มีปืน เราไม่มีอำนาจรัฐเป็นพวก เราไม่มี กตต.เป็นพวก และเราไม่ได้มีศาลรัฐธรรมนูญเป็นพวก แต่พวกเขามีสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมด แต่สิ่งที่เรามีคือสองมือหนึ่งหัวใจและหนึ่งสมอง แต่สิ่งที่เขามีไม่สู้พวกเราคือใจที่เจ็บปวดและคับแค้นที่ต้องการเรียกคืนความเป็นธรรมในสังคมให้กลับมา

นายธนาธรกล่าวอีกว่า พวกเขากลุ่มอภิสิทธิ์ชน ทำตลอดในหลาย 10 ปีที่ผ่านมา คือทำให้เราโง่ ทำให้เราจน และทำให้เรากลัว ทำให้เราโง่ คือ การบอกสอนตลอดว่าอย่าลุกขึ้นมาแข็งขันกับเขา สอนว่าประเทศไทยอยู่อย่างร่มเย็นมาตลอด แต่ประเทศไทยไม่ได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขแต่ภายใต้พรมยังมีความเดือนร้อนของประชาชนเยอะมาก เขาไม่เคยสอนประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่แท้จริงให้ประชาชนรับทราบ เขารั้งใจทำให้พวกเราโง่เขาตั้งใจทำให้พวกเราจน เขาไม่ให้สิทธิเราในการบริหารจัดการน้ำ ที่ดิน หรือสินแร่ที่อยู่ในผืนดินของเรา แต่เขาให้บัตรประชารัฐ เพราะเขาต้องต้องเลี้ยงพวกเราไว้ไม่ให้โต ไม่พัฒนา ไม่รวยแต่ไม่ตาย พวกเราไม่ต้องการบัตรประชารัฐแต่พวกเราต้องการสิทธิในที่ดินทำกิน สิทธิในการบริหารจัดการน้ำป่า และสินแร่ที่อยู่ใต้พื้นดิน นี้คือสิ่งที่พวกเราต้องการ พอมีอะไรนิดหน่อยยัดเยียดคดี พ.ร.บ.ชุมนุน เรียกไปปรับทัศนคติบ้าง

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวต่อว่า มาถึงวันนี้พรรคอนาคตใหม่ ยังใหม่เกินไป ยังเล็กเกินไปและเรายังมีอำนาจน้อยเกินไป ที่จะทำเอาสิทธิชุมชนคืนให้กับพี่น้องประชาชน เรายังมีพลังไม่เพียงพอที่จะทำอยางนั้น แต่วันนี้พานายพิธา ประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาเพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่รู้จะทำได้มากน้อยเพียงใด แต่อย่างน้อยที่สุดคนที่ถูกข้อพิพาดกับภาครัฐในกรณีท้วงคืนผืนป่า นายพิธาจะได้ทำหนังสือส่งหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า 8 หมื่นกว่ากรณีทั่วประเทศ ว่าคดีที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนอย่าเพิ่งส่งอัยการ คดีที่อยู่ในชั้นอัยการอย่าเพิ่งส่งศาล และคดีที่อยู่ในชั้นศาลอย่าเพิ่งพิพากษา เพราะปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาเชิงระบบ กระจายทั่วภูมิภาคในประเทศไทย ขอให้พวกเราได้แก้ปัญหาเชิงระบบกันก่อนเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชน แต่การแก้ปัญหาระยายางต้องบอกว่าแก้ไม่ได้ เพราะเมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เสนอญัตติเข้าสู้สภาผู้แทนราษฎร คือญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนกรณีการใช้คำสั่ง ม.44 เราเสนอไปหวังว่าจะได้เรียกบุคคคลที่เข้าท้วงคืนผืนป่า ว่าทำไปเพราะอะไรมีประชาชนเดือนร้อนกี่คนกันแน่ หรือไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายหรือไม่ต้องทำ EIA หรือทำ EIA ความคู่ไปกับการดำเนินโครงการได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหมืองหรือโรงงานน้ำตาล เราจะไปศึกษาประกาศคำสั่งเหล่านี้ว่าใครได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง แต่พอผลโหวตในสภาออกมาพรรคฝ่ายค้านดีใจมากเพราะพวกเราชนะ 234 เสียงต่อ 230 เสียง ในสภาผู้แทนราษฎร แต่พวกเขาบอกว่าขอนับใหม่และโหวตใหม่ เพราะฝ่ายรัฐบาลกลัวที่จะถูกตรวจสอบจากพวกเราที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

นายธนาธรกล่าวว่า ตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าไม่มีรัฐประหารและมีตัวแทนของประชาชนอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร นโยบายท้วงคืนผืนป่าจะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ขณะเราไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะเราแพ้โหวต ซึ่งของบอกไว้ว่าทางเราจะทำทุกทางเพื่อทุเลา บรรเทากรณีความต่างๆ ให้ และหากยังมีนายกรัฐมนตรีที่มีจากการทำรัฐประหาร นายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวแแทนของอภิสิทธิ์ชน นายกรัฐมนตรีที่ไม่ศรัทธาในพลังของประชาชนและประชาธิปไตย

“ระยะกลางระยะยาวที่จะจัดการเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ จำเป็นต้องยุติระบบราชการรวมศูนย์ที่ กทม. คืนอำนาจต่างๆ เหล่านี้ กลับให้พี่น้องประชาชนทำให้ประชาชนมีสิทธิออกแบบอนาคตของตัวเองได้ ยโสธรจะเป็นอย่างไรต้องให้ คนยโสธรเป็นคนกำหนดเอง เดินทางไปข้างข้างตนขอเสนอโครงสร้าง 3 แบบ คือ 1.ต้องพาประเทศไทยกลับไปเป็นประชาธิปไตยและแก้รัฐธรรมูญปี 60, 2.ปฎิรูปกองทัพให้กองทัพอยู่ใต้อยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ที่มาจากการเลือกตั้ง และ 3.ยุติระบบราชการรวมศูนย์ นำอำนาจคืนให้ท้องถิ่นบริหารจัดการเอง อย่างไรก็ตาม หากจะทำให้เกิด 3 ข้อ ที่ตนพูดให้ได้อย่างแรกที่ต้องทำคือไล่รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจมาจากการทำรัฐประหาร เดือนหน้าจะมีกิจกรรมใหญ่ “วิ่งไล่ลุง” ขอให้ออกมาวิ่งทั่วประเทศและบอกว่าเราจะไม่ถอยอีกต่อไปแล้ว จะไม่ทนต่ออำนาจที่ไม่ยุติธรรม และเราขออำนาจของประชาชนคืนมา” นายธนาธรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image