บทนำ : แก้ไขที่สาเหตุ
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ส่งสารผ่านทางสื่อออนไลน์นัดหมายทำกิจกรรมแฟลชม็อบเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ลานสกายวอล์ก ปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยมีข้อความสรุปว่าเมื่อไม่ฟังเสียงประชาชนก็ขอให้ประชาชนออกมาส่งเสียงให้ผู้มีอำนาจได้ยิน โดยในวันเวลาดังกล่าวปรากฏมีกลุ่มคนเดินทางไปร่วมกิจกรรมกับนายธนาธรเป็นจำนวนมาก แม้ว่านายธนาธรจะเพิ่งโพสต์ข้อความเชิญชวนก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากก่อนหน้านี้ กกต.มีมติ 5 ต่อ 2 สรุปผลคำร้องกรณีนายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน 191 ล้านบาท ว่ามีความผิดตามมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ต่อไป ซึ่งการดำเนินการของ กกต.ดังกล่าวมีข้อสงสัยตามมาหลายประการ ทั้งคำแถลงข่าวที่ออกมาสั้นเพียง 8 บรรทัด รวมไปถึงขั้นตอนการพิจารณา และข้อกฎหมายที่ตีความ
หลังจากการทำกิจกรรมเสร็จสิ้นลงตาม กำหนด เพจอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความระบุว่า “ขอบคุณพวกเราทุกคน วันนี้เป็นการแสดงออกที่ทรงพลังจริงๆ ครั้งหน้าพบกันใหม่ เราแยกย้ายกันหลังเคารพธงชาติเสร็จ แต่อย่าลืมช่วยกันเก็บแยกขยะ และดูแลรักษาความเรียบร้อย หนังม้วนเก่ากำลังฉายซ้ำ แต่ตอนจบจะไม่เหมือนเดิม วันนี้คือการชิมลาง” พร้อมติดแฮชแท็ก #กลัวที่ไหน #ไม่ถอยไม่ทน
คำว่า “หนังม้วนเก่า” และ “กำลังฉายซ้ำ” นั้นเป็นถ้อยคำที่น่ามาตรึกตรองว่าเหตุการณ์รวมตัวของผู้คนจำนวนมากในห้วงเวลาอันรวดเร็วนั้นเป็นเพราะสาเหตุใด กิจกรรมดังกล่าวเป็นผลพวงที่ต่อเนื่องมาจากการรัฐประหารใช่หรือไม่ การร่างกฎหมายรวมถึงวิธีการใช้กฎหมายต่อฝ่ายที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้มีอำนาจนั้นคือสาเหตุหรือเปล่า หากเป้าหมายของรัฐบาลคือการทำให้ประเทศชาติสงบเรียบร้อยจริงๆ ตามที่พูด การบังคับให้คนอยู่นิ่งๆ ตามแบบคำสั่ง คสช.นั้นพิสูจน์มาแล้วว่า ใช้ได้ชั่วคราวเท่านั้น การร่างกฎหมายขึ้นมาเพื่อให้ผลบังคับเข้าข้างฝ่ายตนนั้นก็สร้างปัญหาไม่รู้จักจบ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่มีปัญหาด้วย รัฐบาลจึงต้องแสวงหาสาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากอะไร เป็นเพราะความเป็นธรรมความไม่เป็นธรรมใช่หรือไม่ ประเทศไทยที่ผ่านมามีข้อมูลเพียงพอแล้วที่จะรู้ว่าสาเหตุแท้จริงคืออะไร จะได้แก้ไขกันที่เหตุนั้น
