‘ชลน่าน’ ชูประเด็นแนว กมธ.ฯแก้ รธน. ดันผลศึกษาข้อดีข้อเสีย พร้อมแนวทาง-ที่มา ส.ส.ร.
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่มีการอภิปายต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรค พรรค พท.อภิปรายว่า มี 3 ประเด็น คือ 1.ฝากไปยังคณะ กรธ. และประธาน กรธ.ที่จะต้องมีปณิธานแนวแน่วแก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นกลางศึกษาวิธีการไปสู่าเป้าหมายได้ ต้องได้รับการยอมรับ ประเด็นที่ 2.ระยะอย่าใช้เวลาเกิน 90 วัน โดย ข้อ 1 ต้องการหลักเกณฑ์วิธีการอย่างไร จะแก้เป็นรายมาตรหรือไม่ อย่างไร ข้อ2 กรณีการแก้มาตรา 256 หรือรายมาตราดีหรือ ไม่ข้อดีข้อเสีย ข้อ 3 การแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 หรือรายมาตราต้องบอกว่าดีหรือไม่อย่างไร ข้อ 4 กมธ.ต้องมีผลการศึกษารายละเอียดถึงการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) รายละเอียดของการแก้ ดังนั้น ถ้าใช้แนวทางที่ 4.กมธ.จะตอบคำสาระบัญญัติทั้งหมดควรเป็นอย่างไร ไปสู่กระบวนการยกร่างสภาร่างรัฐธรรมนูญ และจะให้ดีต้องบอกด้วยว่า ส.ส.ร.มาจากใคร จำนวน หน้าที่และอำนาจ ควรปรากฏอยู่ในรายงานชุดนี้ ทั้งนี้ ที่มาของรัฐธรรมนูญ 60 โดย กรธ.จาก คสช.และประเด็นที่ 3.ผลกระทบจากรัฐธรรมนูญบ้านเมืองเศรษฐกิจจะไปไม่รอด กมธ.ต้องเป็นตัวแทนสภาอย่างสง่่างาม มีผลการศึกาาที่เสนอ และกล้าตัดสินใจเสนอทางเลือกไปข้างหน้า ตั้ง ส.ส.ร.ไม่ได้ตั้งมาเพื่อทำร้ายใคร รัฐธรรมนูญใหม่ต้องเป็นของประชาชนเพื่อประชาชน และมีประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม