สรุปทหารมีไว้ทำไม
จากบทความของ อ.นิธิ เอียวศรีวงษ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ที่ตั้งคำถามว่า “ทหารมีไว้ทำไม” ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือมติชนสุดสัปดาห์โดยมีเนื้อหาเนื้อหานั้นก็บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของทหารในอดีตการเริ่มมีทหารในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งแต่เดิมสังคมไทยไม่เคยมีชนชั้น หรือกลุ่มประชากร ที่มีอาชีพในการรบเหมือนสังคมยุโรปหรือญี่ปุ่น คำว่า “ทหาร” ในกฎหมายตราสามดวงแปลว่าอะไรก็ไม่รู้แน่ “ทหาร” ตามที่เราเข้าใจปัจจุบันเป็นสิ่งใหม่ เป็น “อาชีพ” ที่เกิดขึ้นในเงื่อนไขของโลกสมัยใหม่ นั่นคือเมื่อรัฐไม่ได้เป็นสมบัติส่วนตัวของพระราชาแล้ว แต่เป็นสมบัติร่วมกันของพลเมืองทุกคน หน้าที่ป้องกันบ้านเมืองจึงกลายเป็นของทุกคน
ในหลายรัฐทั่วโลก ส่วนใหญ่แล้วไม่เคยมีกองทัพประจำการมาก่อน นอกจากกองกำลังเล็กๆ ที่มีไว้รักษาความปลอดภัยให้เจ้านาย เช่นเมืองไทยนั้นไม่เคยมีทั้งกองทัพประจำการจนถึง ร.5 และเช่นเดียวกับเมืองไทย เมื่อรัฐต่างๆ เริ่มเปลี่ยนหรือถูกบังคับให้เปลี่ยนมาเป็นรัฐชาติ (รัฐชาติจริงหรือจำแลงก็ตาม) ก็เกิดกองทัพประจำการของชาติขึ้นทั่วไป
ที่เรียกว่า “ทหาร” ในความหมายปัจจุบัน คือคนที่ทำงานอยู่ในกองทัพประจำการ เป็นอาชีพใหม่มากจนกระทั่งจะถามว่า“ทหารมีไว้ทำไม” จึงเป็นปรกติธรรมดามากๆ ท้ายบทความอ.นิธิ ชวนคิดว่า เรามาช่วยกันตั้งคำถามว่า “ทหารมีไว้ทำไม” ให้ติดปากทุกคน และช่วยกันหาคำตอบต่อคำถามนี้อย่างเอาจริงเอาจัง โดยไม่ยอมให้ใครสถาปนาแนวคำตอบของตนขึ้นครอบงำคนอื่น
ซึ่งจากบทความดังกล่าวที่ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้แวดวงทหารบางส่วนตั้งคำถามกับบทความดังกล่าว อาทิ พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงบทความทหารมีไว้ทำไม ว่าถ้าจะให้ตนตอบตรงๆว่าทหารมีไว้ทำไม คือทหารมีไว้เพื่อเป็นรั้วของประเทศชาติ อีกทั้งในรัฐธรรมนูญก็ระบุหน้าที่หลักของทหารไว้ด้วย คือ 1.พิทักษ์ ปกป้อง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.การป้องกันประเทศ 3.การพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชน และ4.การรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน ซึ่งทหารเรากำลังดำเนินการกันอยู่ ดังนั้นตนคิดว่าคำถามดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่น่าถาม
เช่นเดียวกับ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ที่บอกว่า บทความนี้บั่นทอนจิตใจทหาร เราติดหล่มความขัดแย้งมานาน 10 ปี เป็นวิกฤตความขัดแย้งเฉพาะหน้าที่ต้องร่วมกันแก้ไข ไม่ใช่เพิ่มความขัดแย้ง
อ.พิชญ์ กับ คุณสุรนันท์เห็นตรงกันง่ายๆว่า การที่มีคำถามแบบนี้ออกมา แปลว่าเรากล้าถามคำถามในสังคมที่ถามไม่ได้ เพราทหารไม่ให้ถาม การที่เราตั้งคำถามได้หรือไม่ได้นั้นก็เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่ง ทหารก็ต้องอดทันรับฟังคนอื่นบ้าง และอีกเรื่องที่สำคัญคือในห้วงยามของการปฎิรูปประเทศกลับยังไม่มีการพูดถึงการปฎิรูปทหาร ?
ติดตามรายการ “The Hel(l)met Show หมวกกันน็อค” ได้ทางมติชนออนไลน์ หรือ ทางช่องทาง Youtube ในช่องMatichonTV วันจันทร์ – พุธ – ศุกร์ 18.00น.
ดำเนินรายการโดย “ไบค์เกอร์หนุ่มใหญ่” ที่สลัดคราบอาจารย์นักวิชาการ “พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์”
“เจ้าของร้านกาแฟนักปั่นย่านสุขุมวิท” จากอดีตนักการเมืองที่ช่วงนี้ต้องพักงาน “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ”
Don’t be insane protect your brain !!!
รักสมอง…ลอง “หมวกกันน็อค” !?