‘เท่าพิภพ’ ชงปล็ดล็อกกัญชาเสรี ‘เทพไท’ เสนอชาวบ้านครอบครองใบกระท่อม

ประชุมสภาฯ-เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 25 ธันวาคม ที่รัฐสภา เกียกกาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณา ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้และตรวจสอบผลกระทบของการใช้กัญชาในรูปแบบต่างๆ ในประเทศไทย ตามที่นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้เสนอ พร้อมนำญัตติในทำนองเดียวกันรวมทั้งหมด 6 ญัตติ มาพิจารณาพร้อมกัน

โดยนายเท่าพิภพ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ทั้งในด้านการแพทย์ ทางเศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงอัตลักษณ์ตางๆ กัญชาเปรียบเสมือนทองคำสีเขียว แต่ในอดีตเราได้ใส่ร้ายมัน ในหลายประเทศได้ปลดล็อก และใช้ประโยชน์จากกัญชา ซึ่งหากเราเริ่มการปลดล็อกได้ ก็จะเป็นประเทศแรกในอาเซียน ซึ่งเป็นสิ่งที่ก้าวหน้ามาก และเราจะกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ เพราะเรามีนักวิจัยที่คุณภาพ มีภาคแรงงาน และภาคการเกษตรที่พร้อม มีศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ เรามีประวัติสาสตร์ที่ยาวนานเกี่ยวกับการใช้สมุนไพร และกัญชาทางการแพทย์ เช่น ในสมัยพระนารายมหาราช ก็ได้เขียนตำราไว้ ข้อมูลธุรกิจกัญชาทั่วโลกในปี 2017 มีมูลค่า 6.6 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งคาดว่าอีก 10 ปีขางหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

นายเท่าพิภพ อภิปรายอีกว่า ตนอยากฝากไปถึง ‘ชาวกัญชาชน’ ทุกคนว่า ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์คือ ด้านการเกษตรที่จะเกิดเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่เข้ามาทดแทนพืชเศรษฐกิจเดิมๆ ทั้งนี้อยู่ที่เราจะปลูกให้ได้คุณภาพเพื่อใช้ทางการแพทย์ได้หรือไม่ หรือเพื่อการสันทนาการ ซึ่งกระทรวงเกษตรจะต้องให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างเพียงพอ แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงคือ การใช้กัญชาในการแพทย์ยังมีข้อถกเถียงว่าใช้กี่หยด นี่คือการไม่มีมาตราฐานควบคุมอย่างชัดเจน ส่วนการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ ที่เราใช้ทั่วไปเพื่อการสูบ ซึ่งในต่างประเทศได้มีการจัดโซนให้ทำเพื่อการท่องเที่ยว และคนจะมีการเท่าเทียมกันของอัตลักษณ์ของแต่ละกลุ่มพื้นที่

นายเท่าพิภพ กล่าวว่า นอกจากนี้กัญชาจะสร้างงานมหาศาล และเพิ่มงานจำนวนมากให้กับประเทศได้ และสิ่งที่รัฐจะได้จากการปลดล็อกกัญชาให้ถูกกฎหมาย คือ การได้ภาษีเพิ่ม ทั้งการเก็บภาษีใบอนุญาติ และภาษีเงินได้ส่วนบุคคล และสามารถลดปัญหาอาชญากรที่ใช้กัญชาเป็นแหล่งเงินทุน และเป็นการลดผู้ต้องขังในเรือนจำกว่า 5,000 คนที่ต้องโทษจากกัญชา ยอมรับว่าข้อเสียก็มี เพราะหลายประเทศที่ปลดล็อกกัญชาก็จะมีการควบคุมด้วย เช่น แคลิฟอเนียโมเดล ที่อนุญาติใช้เพื่อการแพทย์ และเพื่อสันทนาการ และอนุญาตให้ปลูก 6 ต้นที่บ้านด้วย หรือแบบอุรุกวัย ที่เปิดเสีรีอย่างเต็มที่ใช้ทั้งสันทการ และการแพทย์ ซึ่งรัฐเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด คือ ปลูกเอง และขายเอง หรือแบบอัมเตอร์ดัม ซึ่งนำเข้ากัญชาจากที่ไหนก็ได้ไม่จำกัด จากสถิติพบว่า นักท่องเที่ยว 1 ใน 4 ไปเพื่อสูบกัญชา และรัฐได้จัดโซนให้สูบกัญชา หากจะใช้โมเดลนี้เราก็อาจจะจัดโซนให้สูบกัญชา พร้อมมองวัดอรุณฯ ไปด้วย ประเทศไทยจะเอาแบบไหน นี่คือเหตุผลที่อยากตั้ง กมธ.มาศึกษา เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจมากขึ้น ไม่หวาดกลัวเหมือนในอดีต และหาข้อสรุปที่ชัดเจนเพื่อดำเนินการต่อไป เราจะเป็นอิฐก้อนแรกที่มันตรง เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาจากการใช้กัญชาในอนาคต

Advertisement

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้เสนอ ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องใบกระท่อมอย่างเป็นระบบ อภิปรายตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันพบว่าประชาชนใช้ใบกระท่อมเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างความสดชื่นและความตื่นตัว ซึ่งแนวทางควรพิจารณาคือ การลดความเดือดร้อนของประชาชน ที่ถูกตำรวจจับเพราะครอบครองใบกระท่อม จำนวน 5-10 ใบ ต้องเสียค่าปรับ 10,000 บาท ทั้งนี้ชาวบ้านที่ถูกจับเป็นบุคคลที่หาเช้ากินค่ำ ดังนั้นกมธ.ฯ ที่จะตั้งขึ้นควรพิจารณาประเด็นดังกล่าวเพื่อลดผลกระทบกับประชาชนด้วย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image