“วิษณุ” แย้ม ใช้ “อสส.” เรียกเงินเยียวยาจากผู้ผลิต “จีที 200” โดยตั้งรูปเป็นคดีฉ้อโกง แจง ทำคู่ขนานได้ ไม่ต้องรอคดีที่ค้างอยู่ “ป.ป.ช.” ปัด ตอบ เรียกค่าโง่ได้หรือไม่ แต่เป็นค่าซื้อความรู้ที่แพงไปหน่อย
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้รับผิดชอบการเรียกเงินเยียวยาจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดปลอม (จีที 200) หลังจากศาลอังกฤษมีคำพิพากษาสั่งให้ยึดทรัพย์ ประมาณ 400 ล้านบาท โดยให้นำเงินจำนวนนี้ไปชดเชยแก่ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อเครื่องมือที่ไม่สามารถใช้งานได้ว่า นายกฯมอบหมายตนในที่ประชุมครม.เมื่อ 21 มิถุนายน ให้ไปพิจารณาเรื่องดังกล่าวใน 2 ประเด็น 1.การเรียกร้องค่าเสียหายตามที่ศาลอังกฤษได้ยึดทรัพย์ไว้เรื่องนี้ถือว่าใหม่ สำหรับตนจึงสอบถามข้อมูลไปยังหน่วยงานที่ซื้อเครื่องดังกล่าว 7-8 หน่วยงานรวมถึงจะหารือว่าจะให้หน่วยงานใดเป็นตัวแทนรัฐในการเรียกเงินเยียวยา โดยคาดว่าจะเป็นสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เพราะมีกฎหมายด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2. คือดูการรับผิดในส่วนของเรา เมื่อมีการซื้อเครื่องดังกล่าวมาแล้วแต่ประสิทธิภาพไม่ตรงกับที่คิดเราจึงเป็นผู้เสียหายที่สามารถเรียกเงินเยียวยาอย่างที่หลายประเทศได้ทำ ส่วนคำถามที่ว่าการจัดซื้อเป็นความผิดหรือไม่เพราะมีสื่อมวลชนบางแห่งนำเสนอว่าผู้จัดซื้อมีความผิดด้วย ข้อเท็จจริงคนซื้อจะมีความผิดด้วยต่อเมื่อมีการทุจริตแต่จะมีจริงหรือไม่ ขณะนี้การตรวจสอบอยู่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งความรับผิดในส่วนของเรายังไม่มีอะไรต้องดูในตอนนี้เพราะเป็นหน้าที่ป.ป.ช. รัฐจะเข้าไปดูซ้อนไม่ได้ส่วนที่เรื่องดังกล่าวเกิดความล่าช้านั้น ทางป.ป.ช.ชี้แจงว่าเรื่องอยู่ในกระบวนการส่วนรายละเอียดตนไม่ควรพูดตรงนี้แม้ว่าคดีความที่ดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จก็ไม่เป็นปัญหากับการดำเนินการเรียกเงินเยียวยาที่สามารถดำเนินการคู่ขนานกันได้ เพราะป.ป.ช.ดูเฉพาะคดีอาญาแต่การขอเงินเยียวยาเราจะตั้งรูปคดีเป็นการฉ้อโกง หลอกลวง ผิดสัญญาซึ่งเป็นเรื่องทางแพ่ง เมื่อสินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณาและศาลอังกฤษมีคำพิพากษาเป็นบรรทัดฐาน เราก็จะยึดแนวทางนั้น
นายวิษณุ กล่าวว่า ความเสียหายของหน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทยที่ซื้อเครื่องดังกล่าวทั้งหมด รวมกันมีมูลค่าประมาณ 600-800 ล้านบาท มากกว่าทรัพย์สินของบริษัทผู้ผลิตที่ถูกศาลมีคำสั่งยึดราว 400 ล้านบาทเสียอีก นอกจากนั้นยังต้องมีการเฉลี่ยเงินก้อนดังกล่าวให้ประเทศที่ได้รับความเสียหายด้วย
เมื่อถามว่า จำนวนเงินที่ศาลอังกฤษมีคำสั่งยึดนั้นมูลค่าน้อยกว่าความเสียหายของเรา นายวิษณุ กล่าวว่า “ใครเป็นคนหลอกเราเราก็ฟ้องคนนั้นหรือใครเป็นต้นเหตุในฝ่ายเราก็ต้องเรียกให้รับผิดส่วนจะฟ้องศาลเราหรือศาลอังกฤษต้องใช้เวลาตรวจสอบต้องดูข้อกฎหมายของความได้เปรียบเสียเปรียบโดยจะยึดผลประโยชน์ของรัฐเป็นตัวตั้ง เบื้องต้นเราจะดูเฉพาะกรณีนี้ให้มันได้ก่อนอย่าเพิ่งไปถึงสินค้าตัวอื่นที่บริษัทเดียวกันนี้จำหน่าย
เมื่อถามว่า การดำเนินการเรื่องนี้ เกรงว่าจะเจอตอหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เจอ เราต้องเดินหน้าตรวจสอบไป แม้จะเจอก็ไม่ใช่ว่าต้องผิดอย่าเพิ่งไปตั้งหลักแบบนั้น วันนี้ป.ป.ช.คือคนที่ดูตอใหญ่ที่สุดรัฐไม่สามารถไปตรวจทุจริตได้ถามว่าเรื่องนี้จะเรียกเป็นค่าโง่ได้หรือไม่นั้น คงต้องแล้วแต่สื่อแต่มันไม่ดีเพราะทำให้เกิดความรู้สึกว่าอะไรที่ควักเงินซื้อดูจะเรียกเป็นค่าโง่ทั้งหมดได้อย่างไร ถ้าเรียกได้ก็เป็นค่าฉลาด ที่สำคัญถือเป็นค่าซื้อความรู้ แต่แพงไปหน่อย