ไม่ว่าฉายารัฐบาลที่ว่า “รัฐเชียงกง” ไม่ว่าฉายาสภาผู้แทนราษฎรที่ว่า “ดงงูเห่า” ไม่ว่าฉายาวุฒิสภาที่ว่า “สภาทหารเกณฑ์”
ไม่เพียงฉายภาพรัฐบาล สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ออกมา
หากที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือเงาสะท้อนอันเป็นความคิดรวบยอด และผลสรุปของผลพวงอันได้มาจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างครบถ้วน
ทั้งๆ ที่เป็นรัฐประหารอันมาพร้อมกับคำขวัญที่ตะโกนดังกึกก้องในห้วงแห่งการชัตดาวน์ที่ว่า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”
จากเดือนพฤษภาคม 2557 มายังเดือนมีนาคม 2562 ผลที่สุดก็ได้ “สภาดงงูเห่า” ก็ได้ “สภาทหารเกณฑ์”
อันเป็นฐานที่มาแห่ง “รัฐเชียงกง”
ตลอด 5 ปีภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ไม่มีฉายารัฐบาลจากนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ไม่มีการตั้งฉายาจากสื่อมวลชนประจำรัฐสภา
ที่ปรากฏในห้วงรอยต่อระหว่างเดือนธันวาคม 2562 กับเดือนมกราคม 2563 จึงเท่ากับเป็น “ตกผลึก” ในทางความคิด
ในเมื่อสังคมได้ประสบเข้ากับสภาผู้แทนราษฎรในแบบ “ดงงูเห่า” ในเมื่อสังคมได้ประสบเข้ากับวุฒิสภาในแบบ “สภาทหารเกณฑ์”
จะแปลกอะไรที่จะปรากฏโฉมแห่ง “รัฐเชียงกง”
จะแปลกอะไรหาก ณ เบื้องหน้าคำถาม “เบื่อนายกฯใช่ไหม” จะได้พบคำตอบจากการพยักหน้า และคำตอบจากแววตาหน่ายๆ
ทั้งๆ ที่คนถามคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทั้งหมดล้วนเป็น “สัญญาณ” อันส่งมาจาก “ผู้สื่อข่าว” สำคัญ 2 สายประสานเข้าด้วยกัน
1 นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล 1 นักข่าวประจำรัฐสภา
หากทำเนียบรัฐบาลคือตัวแทนแห่งอำนาจบริหาร หากรัฐสภาคือตัวแทนแห่งอำนาจนิติบัญญัติ
แต่ละ “ฉายา” จึงเท่ากับเป็นการสรุปในลักษณะ “รวบยอด”
รวบยอดเนื้อแท้อันเป็นรัฐบาล รวบยอดเนื้อแท้อันเป็นเสียงข้างมากของรัฐสภา
นี่คือผลพวงแห่งรัฐประหาร ผลพวงแห่งปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง