การออกโรงวิพากษ์รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ของ นายชวน หลีกภัย สะท้อนนัยะอันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง
ไม่ว่าจะออกมาในฐานะ “ประธานรัฐสภา”
ไม่ว่าจะออกมาในฐานะคนเคยเป็น “นายกรัฐมนตรี” หรือคนเคย เป็น “ประธานสภาผู้แทนราษฎร”
ไม่ว่าจะออกมาในฐานะ “อดีต”หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
คำถามก็คือ เหตุปัจจัยอะไรทำให้ นายชวน หลีกภัย เลือกที่จะแตะไปยังการดำรงสถานะแห่ง “สมาชิกวุฒิสภา” ของ ผบ.เหล่าทัพดังที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กำหนดเอาไว้
นี่ย่อมเป็นการส่งสัญญาณในทางการเมือง อันไม่เพียงแต่เป็นไปในเชิงวิพากษ์รัฐธรรมนูญ หากแต่ยังเป็นการวิพากษ์บทบาทของทหาร
สัญญาณนี้มีลักษณะในทาง”ประวัติศาสตร์”
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายชวน หลีกภัย เป็นส.ส.สมัยแรกจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2512 ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511 ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตย
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายชวน หลีกภัย สร้างชื่อเสียงขึ้นมาจากบทบาทอะไร
คำตอบก็คือ บทบาทในการวิพากษ์“งบราชการลับ”
การแตะเข้าไปยัง “ขุมทรัพย์” จำนวนมหาศาลของกองทัพ ของทหาร ทำให้สถานะของ นายชวน หลีกภัย มีความโดดเด่นและทะยาน ไปสู่ “ดาวเด่น”
ดาวเด่นอันเป็นที่มาของฉายา“มีดโกนอาบน้ำผึ้ง”ในกาลต่อมา
น่าสนใจก็ตรงที่การแตะไปยังบทบาทของทหาร บทบาทของส.ว.เกิดขึ้นในบรรยากาศที่มีการตั้งฉายา
และฉายาของ นายชวน หลีกภัย คือ “มีดโกนขึ้นสนิม”
การแสดงออกของ นายชวน หลีกภัย จึงเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้ ประจักษ์ว่าถึงอย่างไร “มีดโกน” ก็ยังเป็น “มีดโกน”
ไม่ว่าจะ“อาบน้ำผึ้ง” ไม่ว่าจะ “ขึ้นสนิม” ก็ยังเป็น “มีดโกน”
เป็นมีดโกนอันมีรากฐานมาตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2512 เป็นมีดโกนอันมีรากฐานมาตั้งแต่ลงมือวิพากษ์งบประมาณราชการลับของกองทัพ
เป็นการเตือนให้ตระหนักว่า ไม่ว่าจะ”อาบน้ำผึ้ง” ไม่ว่าจะเห็นว่า “ขึ้นสนิม”แล้ว
แต่ผลสะเทือนจาก”มีดโกน”ก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน-ยังคงมีฤทธิ์