⦁…หลังมี “รัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร” มา 4 ปี ตาม “ยุทธการแช่แข็งประเทศ” ที่ “เสธ.อ้าย” เอามาเปิดเผยไว้ และเป็น “รัฐบาลหลังเลือกตั้ง” มาอีกเกือบปี เริ่มจาก “คืนความสุขให้ประชาชน” ซึ่งหยุดคำสัญญาไว้แล้ว โดยไม่มีความรู้สึกว่าอะไรดีขึ้นกว่าเดิม ถึงวันนี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ กลับมาอีกแล้ว ด้วย
คำประกาศว่า “ต้องจัดการวายร้ายตัวใหม่” เพื่อเปิดข้ออ้างคืนเวทีการเมือง และให้ “ผู้มีอำนาจ” ใช้เป็นเหตุผลบอกประชาชนว่า “ต้องทน” ต่อไป ประเทศยังไปไม่ถึงไหน
⦁…เกือบปีของ “รัฐบาลหลังเลือกตั้ง” ค่อยชัดขึ้นว่า “กลุ่มอำนาจ” วางแผนเล่นเกมยาว “พรรคพลังประชารัฐ” เริ่มแรกมีหลายคนมองว่าเป็นแค่ “พรรคชั่วคราว” เหมือน “พรรครองรับอำนาจจากรัฐประหารที่เคยมีก่อนหน้านั้น” ถึงวันนี้พิสูจน์ว่า “พลังประชารัฐ” ใช้อดีตเป็นบทเรียนอย่างเข้มข้นและหวังผล เป็น “พรรคมั่นคงถาวร” สนอง “อำนาจนิยม” และ “ทุนผูกขาด” อย่างยืนยาว
⦁…ว่าไปฉายา “อิเหนาเมาหมัด” ที่ “นักข่าวทำเนียบ” ตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มองอีกมุมเป็น “ความหวังของพลังประชารัฐ” ทำอย่างที่ ทักษิณ ชินวัตร คิด และทำในการวางรากฐานการเมืองทุกอย่าง เป็นแกนกลางประสาน “พรรคการเมืองกลุ่มผู้มีบารมีท้องถิ่น” แล้วค่อยแทรกซึมดึงเข้าควบคุม เป็นการจัดการรวมศูนย์พรรคการเมืองแบบที่ “ไทยรักไทย” เคยทำ
⦁…อีกทางหนึ่ง “สร้างฐานมวลชน” อย่างที่ “พลังประชาชน” เคยทำ คือ “เททุนลงไปในหมู่บ้าน” ผ่านกลไกราชการที่ควบคุมโดยพรรค สร้างกลไกโยงใยแจกจ่ายการดูแลประชาชน ด้วย “โครงการประชารัฐ” และ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ซึ่งสร้างฐานข้อมูล และสร้างเครือข่ายครอบคลุม และควบคุมครั้งใหญ่ เพื่ออาศัยวัฒนธรรมของ “ระบบอุปถัมภ์” มาเป็นประโยชน์ในการสร้างฐานเสียงถาวรให้พรรค
⦁…ขณะที่ “โครงสร้างอำนาจ” ผ่าน “กติกาที่ดีไซน์ไว้เพื่อพวกเรา” ยังดำเนินอย่างเข้มข้น ชนิดไม่สนต่อเสียงเรียกร้องเชิง “คุณธรรม จริยธรรม” กระทั่ง “สองมาตรฐาน” กลายเป็น “วัฒนธรรมของประเทศ” ที่ผู้คนค่อยๆ เคยชินและยอมรับ ด้วยค่านิยม “อยู่เป็น” เป็นทางหนึ่งที่ทำให้ “ฝ่ายตรงกันข้าม” ไม่มีทางที่จะผงกหัวขึ้นมาสู้ได้
⦁…อีกทางหนึ่ง “ไล่ล้างกลุ่มการเมืองที่เชื่อว่าจะเป็นคู่แข่ง” แบบ “เอาตาย” ด้วยกลไกอำนาจที่ออกแบบและจัดการไว้ ไม่ปล่อยให้ “เติบโหญ่” และ “มีฤทธิ์” เหมือนที่ผ่านมา ไม่ปล่อยให้ “แตกหน่อเป็นพ่อใหญ่” มาเป็นอุปสรรคขวางทางอำนาจ ป้องกัน “เสียของ” อันเป็นบทเรียนก่อนหน้านั้น
⦁…หลายคนอาจจะกังขาว่า “ประเทศจะอยู่แบบนี้ได้อย่างไร” แต่คำถามนั้น “ไม่มีความจำเป็นต้องตอบ” ไม่อยากอยู่ก็ต้องอยู่ เพราะที่สุดแล้วไม่มีอะไรที่จะมาเป็น “พลังทำให้เปลี่ยนแปลงไป” อำนาจการเมืองไปไกลเกินกว่าจะกระทบกระเทือนจาก “คุณธรรม จริยธรรม” อะไรได้ การคงอยู่ของ “รัฐมนตรีบางคน” และ
การปกป้องดูแลที่ “ส.ส.หลายคน” ได้รับ วาสนาสูงส่งสโมสรของ “สภาฝักถั่ว” ที่ยืนยงคงกระพัน เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็น พร้อมกับ “การอยู่ไม่ได้” ของพวกที่ถูกตราหน้าว่า “อยู่ไม่เป็น”
⦁…ที่ฝ่ายต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์ว่า “หลังปีใหม่” จะมีความเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการเมือง เมื่อมองผ่านอาการของ “บรรดานกรู้ทั้งหลาย” แล้ว ดูท่าว่า ความเปลี่ยนแปลงน่าจะเกิดขึ้น ต่อชะตากรรมของ “พรรคการเมือง” ที่แสดงท่าที “ไม่ไปด้วยกับอำนาจและทุนผูกขาด” เสียมากกว่า ที่คิดว่า “กระแสประชาชน” กำหนด น่าจะเป็นการคิดผิด เพราะ “ประชาชน” ถูกออกแบบให้ “ไม่มีบทบาทสักเท่าไรในโครงสร้างอำนาจ” อยู่แล้ว
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่