สถานีคิดเลขที่ 12 : เครื่องแบบในสภา โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงและการทหาร
ฟันธงไว้ใน “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับต้อนรับปีใหม่ 2563 ว่าปีนี้ยังคงเป็นปีแห่ง “นักการเมืองในเครื่องแบบ”

เราจะยังเห็น คนในเครื่องแบบ ออกมาให้ความเห็นทางการเมืองอย่างเปิดเผย

เราจะยังเห็น คนในเครื่องแบบ ออกมาปกป้อง “รัฐบาล” ที่มิได้หมายถึง “รัฐ”

เราจะยังเห็น คนในเครื่องแบบ ออกมาชี้นำทางการเมือง ว่าใครคือศัตรูและไม่ใช่ศัตรูของชาติ

Advertisement

ทั้งที่ “ศัตรู” ดังกล่าวมิใช่มาจากฉันทามติ จนไม่อาจตัดสินได้ง่ายๆ ว่านั่นเป็นศัตรูหรือไม่ใช่ศัตรู เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้นักการเมืองในเครื่องแบบจะยังมีบทบาทสูง

แต่ก็จะเผชิญแรงเสียดทานมากขึ้น

Advertisement

ทั้งทางสากล ที่ไม่ยอมรับรัฐบาลที่มีทหารอยู่เบื้องหลัง

ทั้งในประเทศ ที่เริ่มมีการเลือกตั้ง และเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

แม้จะไม่มีใครการันตีว่าจะสำเร็จ

แต่ก็จะเป็นกระแสรั้งดึงมิให้รัฐบาลอำนาจนิยม ดำเนินการตามอำเภอใจได้ดังเมื่อตอนที่รัฐประหารใหม่ๆ

ข้อเสนอที่มีน้ำหนัก เช่นที่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร นำเสนอออกมา

นั่นคือ ให้ยกเลิก 6 เก้าอี้ ส.ว.ที่มาโดยตำแหน่ง ซึ่งล้วนเป็นผู้นำเหล่าทัพและตำรวจ คือตัวอย่างดังกล่าว

และเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองขับเคลื่อนมาถึงขณะนี้ เหตุผลที่จะให้ผู้นำเหล่าทัพมานั่ง ส.ว.ก็ดูจะเบาลง

ที่อ้างว่าจะทำให้กองทัพได้รับรู้ว่าสภาขับเคลื่อนอะไร และผู้บังคับบัญชาจะได้นำไปบอกกำลังพลนั้น ดูจะเป็นเหตุผลที่ไร้น้ำหนักลงทุกที

เพราะหน่วยราชการต่างๆ ก็ไม่เห็นจะต้องมี ส.ว.โดยตำแหน่งเพื่อการนี้เลย

ขณะที่กองทัพ มีทั้งรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็มีปฏิสัมพันธ์กับทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติอยู่แล้ว

สามารถส่งผ่านข้อมูล ข่าวสารกับกองทัพได้อย่างไร้ข้อจำกัดอยู่แล้ว

การให้มี ส.ว.(ทหาร) โดยตำแหน่งจึงไร้เหตุผลลงทุกที

และถูกมองว่าเป็นเพียง “สิ่งตกค้าง” จากการรัฐประหารมากขึ้นทุกทีเช่นกัน

เราคงจำนวัตกรรมใหม่จากการรัฐประหารครั้งล่าสุดได้

นั่นคือ การดึงเอาผู้นำเหล่าทัพเข้ามาเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยตำแหน่ง ถือเป็นการการันตีว่า ผู้นำทหารเป็นเนื้อเดียวกับ คสช. ทั้งที่มิได้ร่วมกระทำปฏิวัติมาเลย

และเมื่อ คสช.ต้องสลายไปตามรัฐธรรมนูญ

เหล่าเนติบริกรก็ได้จำลองเอาสิ่งนี้ไปไว้ในวุฒิสมาชิก ตาม “ดีไซน์เอาไว้เพื่อพวกเรา” นั่นเอง คือไปกำหนดให้ตำแหน่งผู้นำเหล่าทัพและตำรวจ 6 เก้าอี้ ไปอยู่ในวุฒิสภา

เพื่อคงภาพกองทัพคือกลไกสนับสนุนรัฐบาล

นั่นคือมติ หรือบทบาทของวุฒิสมาชิกทั้ง 6 ตำแหน่งนี้ เมื่อแสดงออกไปถือว่าเป็นท่าทีของหน่วยงานที่ตนเองสังกัดด้วย เพราะมาโดยตำแหน่งไม่ได้มาในนามส่วนบุคคล

ซึ่งนี่คือภาวะอันประดักประเดิดที่เกิดขึ้น

ตัวอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งแม้วุฒิสมาชิกจะไม่ได้มีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่วันดีคืนดี 6 ส.ว.ที่มาโดยตำแหน่ง เกิดผนึกกำลังออกมาแถลงปกป้องรัฐบาล ว่าทำดีแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น

สังคมจะไม่รู้สึกว่ามีการลากดึงเอากองทัพมาสนับสนุนรัฐบาลหรือ

และเกิดสภาผู้แทนราษฎรมีมติไปอีกอย่าง–จะเกิดอะไรขึ้น

มิต้องแตกตื่นกันหรือว่า กองทัพจะทำอะไรอย่างอดีตหรือไม่

นี่จึงเป็นหนึ่งในหลายภาวะประดักประเดิด ของการมีคนในเครื่องแบบในสภาสูงอย่างที่ว่า

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image