ไม่ว่าผลสำรวจที่ปรากฎผ่าน “นิด้าโพล” ไม่ว่าผลสำรวจที่ปรากฏผ่าน “สวนดุสิตโพล” ไม่ว่าผลสำรวจที่ปรากฏผ่าน “กรุงเทพโพล” ไม่ว่าผลสำรวจที่ปรากฏผ่าน “ซูเปอร์โพล”
คะแนนของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ล้วนอยู่เหนือกว่าคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กระทั่งมีการเรียก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น “นายกฯโพล”
เป็นการเรียกอย่างประชดประเทียดเสียดสี เป็นการเรียกอย่างเย้ยหยัน
แต่ที่มิอาจปัดปฏิเสธได้เลยว่า ไม่ว่า “นิด้าโพล” ไม่ว่า “สวนดุสิต โพล” ไม่ว่า “กรุงเทพโพล” ไม่ว่า “ซูเปอร์โพล” ล้วนมีกระบวนการสำรวจ ที่เป็นจริง มีสถิติเป็นข้อมูลยืนยัน
และสรุปตรงกันในเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกของ “ประชาชน”
กล่าวสำหรับ “ซูเปอร์โพล” ล่าสุดฐานที่มาแห่งข้อมูลควรให้ความสนใจ อย่างเป็นพิเศษ เพราะเป็นการสำรวจศึกษาจาก 2 แนวทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
1 เป็นการศึกษาเสียงของประชาชนในสังคมดั้งเดิม 1 เป็นการศึก ษาเสียงของประชาชนในโลกโซเชียล
ผลที่ปรากฏออกมาน่าเป็นห่วงและถือเป็น “ลางร้าย” ของรัฐบาล
นั่นก็คือ ขณะที่เสียงของประชาชนในสังคมดั้งเดิมที่เคยเป็นฝ่ายของรัฐบาล ฝ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลดลงอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่อง
เสียงของประชาชนในโลกโซเชียลอยู่ในความยึดครองของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายทักษิณ ชินวัตร อย่างเด่นชัดและครองความ เหนือกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เด่นชัดถึงแนวโน้มและอนาคตทางการเมืองว่าเป็นอย่างไร
น่าสังเกตว่าคะแนนและความนิยมของรัฐบาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสู่แนวโน้มใหม่ แนวโน้มที่ลดลงนับแต่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562
และตกลงอย่างเด่นชัดเป็นที่สุดนับแต่เดือนมกราคม 2563
อาจเป็นเพราะ 5 เดือนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีผลงานอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะปัญหาในทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาในทางการเมือง
เสียงเตือนอันมาจาก “โพล” กับอารมณ์ความรู้สึกของ “ประชาชน” จึงเท่ากับเป็นสัญญาณทางการเมืองอันแหลมคมเป็นลำดับ
