“จารุวรรณ” แต่งดำนำทีม บุก กกต.รอบ 3 ทวงสำเนาไต่สวน คำวินิจฉัยยุบพรรค

“จารุวรรณ” แต่งดำนำทีม บุก กกต.รอบ 3 ทวงความคืบหน้าขอคัดสำเนาการสืบสวน-ไต่สวน คำวินิจฉัยกกต. มติยุบพรรค

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.เขต 3 ปทุมธานี และทนายความ เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อทวงถามความคืบหน้า เรื่องขอคัดสำเนาการสืบสวน ไต่สวน และคำวินิจฉัยของ กกต. จากกรณีมีมติยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว และมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจด้วย โดยทั้งหมดแต่งกายในชุดสีดำ

น.ส.จารุวรรณ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่ได้มาติดตามเพื่อทวงถามตามเอกสารที่ได้ยื่นไว้ก่อนหน้านี้ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้อ้างว่า ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานนั้นข้อเท็จจริงดังกล่าว จากคำให้การของพยานปากใด หรือเอกสารใดในสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนคดีนี้ แต่ในคำแถลงการณ์ดังกล่าวก็ไม่ปรากฏ เป็นการกล่าวอ้างขาดข้อเท็จจริงและพยานยืนยัน เสมือนการพิจารณาและวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการตีความตามความคิด และความเข้าใจของคณะกรรมการเลือกตั้งเสียงข้างมากเท่านั้น อันขัดกับหลักพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2537 ว่าคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วยและเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วย ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ข้อกฎหมายที่อ้างอิง และข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ และตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด ที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เลขาธิการ กกต. คณะอนุกรรมการวินิจฉัย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ต้องพิจารณาแล้วสรุปความเห็นโดยให้มีเหตุผลในการพิจารณาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีข้อเท็จจริงในคำวินิจฉัยหรือรายงานการสอบสวนว่า การสืบสวนไต่สวนและคำวินิจฉัยดังกล่าวได้มีการกระทำตามขั้นตอน และมีการแจ้ง ข้อกล่าวหาและสิทธิการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแก่พรรคการเมืองและคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง เพื่อให้ชี้แจงแสดงหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาอันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมตามกฎหมายตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด ถ้าการดำเนินการดังกล่าวไม่ครบถ้วนตามกำหนด ก็จะมีผลทำให้คำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีผลให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ เพื่อความยุติธรรม และใช้สิทธิตามกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสในการต่อสู้ข้อกล่าวหาอย่างเป็นธรรม จึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ

“ขนาดดิฉันเป็น ส.ส. เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับการเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง ยังถูกกระทำด้วยกระบวนการกฎหมายที่ส่อว่าไม่เป็นธรรม ไม่ยุติธรรม และการดำเนินการต่างๆ ของ กกต. ส่อให้เห็นว่ามีเหตุจงใจใช้อำนาจโดยมิชอบ และการถูกกระทำเช่นนี้ จะบอกกับพี่น้องประชาชนที่เลือกดิฉัน และพรรคอนาคตใหม่ได้อย่างไร จะปกป้องด้วยสิทธิเสรีภาพแห่งความยุติธรรมได้อย่างไร หากในครั้งนี้ยังไม่ได้รับเอกสารใดๆ ตามที่ได้ร้องขอ ถือว่า กกต.มีเจตนาจงใจกระทำความผิด ปกปิดซ่อนเร้น อำพราง ข้อมูลอันเป็นสิทธิตามกฎหมาย และเข้าข่ายมีความผิดฐานการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ม 157 อีกทั้งยังบังอาจมีเจตนาจงใจละเมิดสิทธิใช้อำนาจโดยมิชอบ ดิฉันจะไม่ยอมย่อท้อ และจะขอใช้สิทธิแห่งความยุติธรรมเพื่อต่อสู้เรียกร้องฟ้องเอาผิดกลับ ตามสิทธิกระบวนการกฎหมายต่อไปอย่างถึงที่สุด” น.ส.จารุวรรณกล่าว

Advertisement

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั่งรอประมาณ 1 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้นางสาวจารุวรรณ พร้อมตัวแทน 3 คน ขึ้นไปพบกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดว่าไปพบใคร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image