สภาลุยถกงบปี 63 โหวตตั้งแต่ชื่อร่าง ‘ชวน’ กรีด ส.ส.ตั้งแต่เริ่ม ห้ามเซลฟี่ในที่ประชุม

สภาเริ่มแล้ว ถกงบประมาณ’63 วงเงิน 3.2 ล้านๆ โหวตตั้งแต่ชื่อร่าง ‘ชวน’ กรีด ส.ส.ตั้งแต่เริ่ม ห้ามเซลฟี่ในประชุม

เมื่อ‪เวลา 10.04 น‬.วันที่ 8 มกราคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระสองและวาระสาม ตามที่ กมธ.วิสามัญฯ ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยก่อนการประชุมจะเริ่มต้นขึ้นตามระเบียบวาระ นายชวนได้แจ้งที่ประชุมว่า ห้าม ส.ส.ใช้เครื่องมือสื่อสารในห้องประชุมสภาเพื่อบันทึกภาพของตนเองในลักษณะเซลฟี่ เพราะ ส.ส.คือผู้ใหญ่ แม้จะมีผู้ติดตามมาก และห้ามเดินผ่านหน้าหรือข้างหลังของ ส.ส.ที่อยู่ระหว่างการอภิปราย เนื่องจากมีข้อท้วงติงจากบุคคลภายนอก รวมถึงพระสงฆ์ ติงว่าสภาไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงการนำเครื่องดื่มมาบริโภคภายในห้องประชุม ทั้งส่วนที่นั่งของ ส.ส. และ กมธ.ที่ชี้แจง

จากนั้น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ได้ชี้แจงถึงข้อตกลงระหว่างวิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้านว่า หากจำเป็นใช้เวลาเพิ่มเติม เกินกรอบเวลาที่กำหนดไว้ 2 วัน ระหว่างวันที่ 8 -‪9 มกราคม‬ ให้ไปต่อในวันที่ ‪10 มกราคม‬ ไม่เกิน‪เวลา 12.00 น.‬ ส่วนระยะการอภิปรายที่กำหนดไว้คนละ 7 นาทีนั้น อาจไม่เพียงพอ จึงขอให้ประธานสภา ใช้ดุลพินิจเพิ่มเวลาอภิปรายหาก ส.ส. อภิปรายในสาระที่เป็นประโยชน์

ด้าน นายชวนชี้แจงว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ส.ส.มีสิทธิอภิปรายได้ทุกคน ไม่สามารถห้ามได้ ที่ผ่านมาเคยกำหนดเวลา 5 นาที หรือไม่ได้กำหนดเวลาเลย แต่รอบนี้กำหนดไว้คนละ 5 นาที ซึ่งมีผู้เสนอคำแปรญัตติร่วม 4,000 คำแปรญัตติ หากคิดเวลา 24 ชั่วโมง หาก ส.ส.อภิปรายทุกคน จะใช้เวลารวม 16 วัน ดังนั้น ควรกำหนดกรอบเวลาอภิปรายไม่เกินคนละ 7 นาที ทั้งนี้ขอให้วิปแต่ละฝ่ายควบคุมเวลา เพื่อให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2563 เสร็จสิ้นภายในวันที่ ‪10 มกราคมนี้ ‬

Advertisement

ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่วาระ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ฐานะประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ชี้แจงรายงานของ กมธ.ต่อสภาในวาระสอง ตอนหนึ่งว่า กมธ.ได้พิจารณาปรับลดงบประมาณลง จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท โดยพิจารณาเนื้อหาที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ ความมั่นคงและนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมถึงขีดความสามารถของการใช้งบประมาณ การใช้งบประมาณรายจ่ายในปีที่ผ่านมา รวมถึงพิจารณาถึงการดำเนินงานอย่างเข้มงวด อาทิ โครงการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ หรือดำเนินการแล้ว แต่ล่าช้ากว่าแผ่น หรือดำเนินงานไม่ทัน รวมถึงปรับลดงบประมาณในโครงการที่ไม่ชัดเจน ดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน และใช้จ่ายไม่ทัน อย่างไรก็ตาม งบประมาณที่ปรับลดไปได้เพิ่มงบประมาณให้กับสำนักงานเลขาธิการสภา สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด, กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ทั้งจำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณสามารถรองรับโครงการที่สำคัญของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ ส่วนรายการเปลี่ยนแปลงงบ ปี 2563 มีเพียงรายการเดียว คือ งบรายจ่ายกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จำนวน 27 ล้านบาท

จากนั้น ที่ประชุมได้เริ่มพิจารณาตั้งแต่ชื่อร่าง คำปรารภ และมาตราแรก โดยในมาตรา 1 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.สัดสวนของพรรคเพื่อไทย ได้ขอสงวนความเห็น แก้ไขจาก “พระราชบัญญัตินี้ เรียกว่า พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563” ให้มีคำต่อท้ายว่า “ฉบับออกไม่ทันปีงบประมาณ” โดย กมธ.เสียงส่วนใหญ่ ได้ชี้แจงว่า การบัญญัติมาตรา 1 ดังกล่าวเป็นถ้อยคำปกติ แม้บางปีงบประมาณจะออกไม่ทันทีงบประมาณก็จะมีถ้อยคำแบบนี้เสนอ ก่อนที่ที่ประชุมได้ลงมติ ผลปรากฎว่า เสียงข้างมาก 222 เสียงเห็นด้วยกับร่าง กมธ.เดิมที่ไม่มีการแก้ไข ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 175 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image