มีความพยายามจะ “มัดตราสัง” มิให้มีการย้อนกลับไปตรวจสอบและทบทวนประกาศ คำสั่งคสช.โดยการตัดญัตติด่วนจัดตั้งคณะกรรมาธิ การวิสามัญให้ออกไปจากวงจร
แต่คำถามก็คือ บรรดาอดีต ”คสช.” ทั้งหลายสามารถสกัดกั้นได้ใน ทางเป็นจริงหรือไม่
หากทำได้เหตุใดจึงมี “มติ” นี้ออกมา
นั่นก็คือ มติของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและ สิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรจะเชิญ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 1 พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร 1 พล.อ.ธีระชัย นาควานิช 1 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เข้าให้ข้อมูล
ในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้”นโยบาย”และดำเนินคดีหรือฟ้องร้องกับผู้เห็นต่างทางการเมือง
เหตุปัจจัยอะไรทำให้คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร มีมติเช่นนี้
แถลงจากโฆษกคณะกรรมาธิการคือ
“บุคคลทั้ง 4 ถือเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามถ้อยคำที่ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก ผู้ชำ นาญการสำนักงานกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
ได้ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการก่อนหน้านี้ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ในการดำเนินคดีกับนักกิจกรรมทางการเมืองนั้นเป็นไปตามคำสั่งของคสช.ทั้งสิ้น”
การเชิญจึงเป็นบทบาทในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 และก่อนการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 เป็นงานในความรับผิดชอบของคสช.
เป็นงานใน”อดีต”อันเกี่ยวเนื่องมาถึง”ปัจจุบัน”
ไม่มีใครรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ จะไปให้ข้อมูลตามหนังสือเชิญของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การ ยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน หรือไม่
แต่พลันที่เกิดเป็น “มติ” และมี “หนังสือเชิญ” จากคณะกรรมาธิการก็เป็นเรื่อง
เป็นเรื่องว่าผลจาก ”คสช.” มิได้สิ้นสุดอย่างที่เข้าใจ
สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ กระทำก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ล้วนมีความต่อเนื่อง
ต่อเนื่องจากคสช. ต่อเนื่องจากมาตรา 44
ไม่ว่าจะมีความพยายามใช้กลไกอำนาจทั้งจากรัฐบาล ทั้งจากรัฐสภา ไปลบและทำลายอย่างไร
ภาพหลอนจาก “คสช.” และ ”มาตรา 44” ก็ยังตามมาติด-ติด
