พท.รุมโวย ‘ชวน’สัมภาษณ์อัดกมธ.พูดมาก ‘ปิยบุตร’ โต้ ‘ครูแก้ว’ หาว่าส.ส.ใหม่อภิปรายไม่เป็น

ส.ส.เพื่อไทย รุมโวย “ชวน” ให้สัมภาษณ์อัดกมธ.พูดมาก ทำถกงบฯล่าช้า “ปิยบุตร” ประท้วง “ครูแก้ว” หาว่า ส.ส.ใหม่อภิปรายไม่เป็น ท้าดูผลโพลอนาคตใหม่หลังจบ

เมื่อวันที่ 10 มกราคม การประชุมสภาผู้แทนราษฏรเพื่ออภิปรายร่างงบประมาณปี 2563 ต่อเนื่องวันที่ 3  เวลา 19.00 น.​ การอภิปรายเริ่มเข้มข้น เมื่อการพิจารณาเข้าสู่มาตรา 30 ว่าด้วยงบประมาณของหน่วยงานของรัฐสภา วงเงิน 5 พันล้านบาท โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายโดยอ่านคำสัมภาษณ์ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงภาพรวมการอภิปรายงบประมาณปี 2563 ว่า กมธ.พูดมากกว่าสมาชิก จึงทำให้เสียเวลามากว่า ไม่ทราบว่า นายชวนหมายถึงตนหรือเปล่า ตนในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย มีหน้าที่นำข้อมูลในชั้นกมธ.มาอภิปรายต่อที่ประชุมว่า เหตุที่ต้องสงวนคำแปรญัตติไว้นั้น เป็นเพราะอะไร เพื่อมาโน้มน้าวเพื่อนสมาชิกให้เห็นตามพวกตนเช่นกัน แม้ซีกรัฐบาลจะเป็นเสียงข้างมาก แพ็กเสียงโหวตผ่านหมดทุกมาตรา ตนก็ไม่เคยว่า เพราะถือเป็นกระบวนการปกติ ดังนั้น ตนจึงไม่สบายใจ กับคำพูดของนายชวน เพราะทำให้กมธ.เสียงข้างน้อยและเพื่อนสมาชิกเสียหาย เพราะพวกตนทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอยู่ ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ชี้แจงว่า ประธานชวนแค่ติงว่า การประชุมในวาระสองเป็นอภิปรายตามที่สงวนความเห็นเท่านั้น แต่ส.ส.บางคนยังอภิปรายในหลักการเหมือนกับวาระรับหลักการอยู่ ประธานชวนคงอยากให้ตรงประเด็น จะได้ประหยัดเวลา จึงอย่านำเรื่องนี้มาทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกันเลย ทำให้นายจุลพันธ์ ลุกขึ้นทักท้วงอีกครั้งว่า ตนอยากถามว่า สิ่งกมธ.เสียงข้างน้อย กระทำมา หรืออภิปรายมานั้นมันผิดใช่หรือไม่

จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายในประเด็นเดียวกันว่า ตนคิดว่า เรื่องนี้เสียหาย ที่ผ่านมาประธานสภาฯ เป็นคนบอกว่า สภาเป็นที่พูด แต่ท่านให้ 7 นาที พวกตนก็รับได้เพื่อให้งานเดินได้ ทั้งๆที่สมาชิกมีเอกสิทธิที่จะอภิปรายได้ ที่ผ่านมา แม้จะมีการอภิปรายในหลักการแต่ก็ถือว่า เป็นเหตุที่ของสมาชิกในการเสนอปรับลด ท่านต้องยอมรับว่า ส.ส.กว่าครึ่งในสภาแห่งนี้ เป็นส.ส.หน้าใหม่ จึงอาจไม่เป๊ะตามที่ท่านอยากจะให้เป็น แต่ความเห็นต่างยังไงก็ต้องจบในสภาแห่งนี้ สิ่งที่พวกตนทำไปก็เพื่อประโยชน์ของประชาชน ตนอายมากที่การประชุม 2 มาตราท้ายของเมื่อค่ำเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมานั้น ผ่านไปโดยไม่ได้ลงรายละเอียดเลย อีกทั้งตอนลงมติก็เหลือองค์ประชุมแค่ 300 คนเท่านั้น เพราะสภาแห่งนี้เหมือนกับพวกเราไม่ได้มาจากเลือกตั้งเลย ด้าน นายศุภชัย พยายามตัดบทว่า ตนอยากให้จบเรื่องนี้ได้แล้ว การทำงานในสภาโดยเฉพาะคำพูดอาจไม่ถูกใจกันทั้งหมด แต่นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะต้องยอมรับว่า ส.ส.กว่า 60 % เป็นส.ส.ใหม่ บางทีไม่เข้าใจว่า วาระสองจะต้องอภิปรายยังไง ท่านประธานชวนก็อาจจะให้คำแนะนำเท่านั้น

ทำให้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ลุกขึ้นประท้วงทันทีว่า นายศุภชัยทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ถือเป็น ส.ส.หน้าใหม่ทั้งหมดก็จริง แต่ที่ผ่านมาการอภิปรายของพวกตนพี่น้องประชาชนตัดสินใจได้ว่า ส.ส.ของเรานั้นปฏิบัติหน้าที่ในสภาแบบไหน เพื่อนส.ส.ซีกรัฐบาล และฝ่ายค้านต่างยกนิ้วให้ว่า ไม่เคยเห็นการอภิปรายที่เป็นระบบระเบียบแบบนี้มาก่อน แม้แต่ทีมงานของนายกรัฐมนตรียังประสานงานของข้อมูลที่พวกตนอภิปรายกัน ประธานพูดแบบนี้ถือว่า พวกตนเสียหาย ด้าน นายศุภชัย ชี้แจงว่า ตนไม่ได้หมายถึง ส.ส.อนาคตใหม่ แต่หมายถึงส.ส.บางคน ไม่ได้ระบุพรรค เป็นเพียงแค่ยกตัวอย่างเท่านั้น ทำให้ นายปิยบุตร ลุกขึ้นสวนทันทีว่า หากประธานคิดว่า ไม่เสียหายก็ไม่เป็นไร แต่ตนคิดว่า ในท้ายที่สุดพี่น้องประชาชนจะตัดสิน เดี๋ยวรอผลโพลว่า พรรคไหนอภิปรายเป็นอย่างไร ตนไม่เคยเกเรที่ต้องขึ้นประท้วง เพราะพวกตนทำงานหนักจริงๆ แต่อยู่ดีๆมาบอกว่า การพูดแบบนี้เหมือนกับ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่อภิปรายกันไม่เป็น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image