“ตู่”เรียก รธน.ฉบับหน้าด้าน หนักกว่ายุคพฤษภาทมิฬ ทำให้คสช.เรืองอำนาจเป็นชาติ

จตุพร พรหมพันธ์-แฟ้มภาพ

ประธาน นปช. ระบุ กรธ. เขียน รธน. แบบหน้าด้าน ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่หนุนเผด็จการเอาเปรียบทุกทิศทาง ชี้พิรุธ “มีชัย” ไม่กำหนดคุณสมบัติ ครม. ให้ คสช. นายกฯ และรมต. พ้นจากตำแหน่งกี่วันจึงร่วม ครม. ได้ เท่ากับเปิดโอกาสให้รักษาอำนาจได้ต่อ

วันที่ 29 ม.ค. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เขียนเอาเปรียบประชาธิปไตยอย่างหน้าด้านทุกอย่าง และยังมีเนื้อหาบ่งชี้ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะอยู่ในอำนาจบริหารประเทศได้อีก

นายจตุพร ระบุว่า เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญได้กำหนดคุณสมบัติสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะลงไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้นั้นต้องลาออกภายใน 90 วัน แต่คุณสมบัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลับไม่จำกัดเงื่อนเวลาใดไว้เลย ดังนั้น ผู้นำ คสช. นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในปัจจุบันจึงเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับหน้าด้านของนายมีชัยได้อย่างสบาย

“การเขียนรัฐธรรมนูญโดยเอาเปรียบทุกทิศทางจึงเป็นความหน้าด้านมาก ซึ่งไม่ใช่การเฉียบคม หลักแหลมของนายมีชัยเลย เพราะเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญให้อยู่ในอำนาจต่อได้ โดยไม่ระบุคุณสมบัติการเป็นคณะรัฐมนตรีเอาไว้ว่า จะต้องพ้นจากตำแหน่งกี่วัน ดังนั้น คสช. ที่เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจึงไม่มีข้อห้ามเลย ส่วนการสืบทอดอำนาจของ สนช. กลับมีการจำกัดให้ลาออกอย่างน้อย 90 วันแล้ว” นายจตุพร กล่าว

Advertisement

เเละว่า “พฤติกรรมการเขียนรัฐธรรมนูญของนายมีชัยไม่เคยเปลี่ยน แต่การกระทำที่หนักกว่าการร่างรัฐธรรมนูญปี 2534 อีก โดยเขียนร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 จนระบอบประชาธิปไตยไม่เหลือสาระสำคัญที่ยึดมั่นกันทั่วโลกว่า เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน แต่นายมีชัยได้ทำให้ประชาชนมีหน้าที่อย่างเดียวเท่านั้น คือ ไปเลือกตั้งเพื่อตบตาต่างชาติว่า เป็นประชาธิปไตย”

ดังนั้น จึงชัดเจนว่า เนื้อหาที่นายมีชัยร่างขึ้นมา จึงปกป้องผู้มีอำนาจหนักกว่าเขียนรัฐธรรมนูญปี 2534 นายมีชัยกำหนดเนื้อหาให้มีความเบ็ดเสร็จมากขึ้น โดยให้หัวหน้า คสช. มีอำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 แล้วเข้าใจว่า มีอำนาจเบ็ดเสร็จแล้วจึงเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ปี 2559 ให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก กำหนดให้พรรคการเมืองเสนอชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรี พรรคละไม่เกิน 3 คน เพื่อสร้างความวุ่นวาย นอกจากนี้ ยังออกแบบใหม่ให้ ส.ว. มาจากการลากตั้งที่ยุ่งเหยิง รวมทั้งวางเงื่อนไขให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ยากหรือแก้ไม่ได้เลย โดยกำหนดให้ทุกพรรคต้องมีเสียงเห็นชอบด้วยอย่างน้อย 10% จึงเป็นไปได้ยากมาก

ส่วนการยึดเวลาเลือกตั้งออกไปเป็นปลายปี 2560 นั้น นายจตุพร กล่าวว่า โรดแมปเลือกตั้งตามที่เคยประกาศครั้งแรกจะมีขึ้นเดือนตุลาคม 2558 แล้วขยับมาเป็นกรกฎาคมปี 2560 และนายมีชัยเขียนรัฐธรรมนูญเลื่อนไปเป็นปลายปี 2560 ในกรณีถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ซึ่งตนไม่สนใจการเลือกตั้ง จะเลื่อนไปเลือกชาติหน้าก็ได้

Advertisement

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยมีกติกาไม่เป็นประชาธิปไตย จึงได้ซ้ำเติมวิกฤตของชาติยิ่งขึ้นไปอีก พวกตนรับไม่ได้ ถ้ามีโอกาสได้ลงประชามติจะใช้สิทธิ์คว่ำแน่นอน เพราะทางเลือกที่จะมีประชาธิปไตยได้ ต้องไม่สนใจการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญหน้าด้าน เอาเปรียบ แล้วทำให้ คสช. จะอยู่ในอำนาจนานนั้น ก็อยู่กันไปเป็นชาติเลย

นอกจากนี้ ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยอยู่ไปถึงขั้นตอนการทำประชามติแล้ว ตนเสนอให้ลงประชามติกรณีให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปีไปคราวเดียวกันด้วย เพราะสิ่งนี้เป็นอนาคตของประเทศ ประชาชนควรได้มีส่วนร่วมในการแสดงออก รวมทั้งมีการตรวจสอบพบว่า ชาวต่างชาติใช้นอมินีถือครองที่ดินในไทยมากถึง 1 ใน 3 ของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก หน่วยงานที่รายงานนั้น ควรเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจนกว่านี้ ว่าที่ไหน อย่างไร เพื่อประชาชนจะได้ตรวจสอบ

นายจตุพร กล่าวว่า คสช. มายึดอำนาจก็อ้างถึงการคืนความสุข แต่ในขณะนี้ สามารถบอกได้หรือไม่ว่า อะไรที่เป็นความสุขบ้าง แล้วยังอ้างถึงมาปราบทุจริต แต่กลับจ่ายค่าโง่คลองด่าน โดยไม่ใส่ใจเสียงทักทวงของผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

รวมทั้ง ยังมีบุคคลอ้างตัวเป็น เสธ.ทหาร ไปอ้างชื่อรัฐมนตรีหลอกเอาทรัพย์สินและเงินจากเอกชนจนสูญเสียกว่า 5 ล้านบาทว่า สามารถนำข้าวเสื่อมสภาพออกมาได้ แต่คนถูกแอบอ้างชื่อไปนั้น ไม่ได้แสดงความบริสุทธิ์หรือไปแจ้งความให้ดำเนินคดี ดังนั้น กรณีนี้ จึงแสดงถึงการยอมจ่ายเงินเพื่อเอาข้าวเน่า แต่ความจริงแล้วข้าวไม่ได้เน่า เมื่อนำไปแปรสภาพขายต่อย่อมทำรายได้มากกว่าการสูญเสียเงินไปแน่นอน

ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เรียกร้องให้ประชาชนประหยัดน้ำนั้น นายจตุพร กล่าวว่า การประหยัดก็เป็นสิ่งดี แต่รัฐบาลต้องวางแผนมารองรับมาแก้ปัญหาภัยแล้งด้วย ว่า จะดูแลรักษาแหล่งน้ำอย่างไร รวมทั้งต้องเปลี่ยนการขุดลอกแหล่งน้ำใหม่ด้วย โดยขุดลอกเมื่อคูคลองแห้ง ไม่มีน้ำ จะได้ประสิทธิ์ภาพงานมากกว่า การขุดลอกขณะที่มีน้ำอยู่ เพราะยากต่อการตรวจสอบงาน

สำหรับการแทรกแซงราคายางพารา โดยรับซื้อกิโลกรัมละ 45 บาท แต่มีปัญหาเพราะจุดการรับซื้อไม่กระจายทั่วถึง จึงทำให้เกษตรกรต้องเสียค่าขนส่งมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นมาเสียอีก ดังนั้น ความต้องการช่วยเหลือความเดือดร้อนของชาวสวนยาง จึงไม่เป็นจริงตามการกล่าวอ้าง การเพิ่มกระจายจุดรับซื้อยางให้มากขึ้นจึงเป็นสิ่งถูกต้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image