สถานีคิดเลขที่ 12 : มือปืนปล้นทอง : โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

คดีอาชญากรรมมือปืนบุกยิงคนตาย และบาดเจ็บ ที่ร้านทองห้างในจังหวัดลพบุรี ด้วยกิริยาอาการไร้ความรู้สึก เป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญ และทำให้ผู้คนโกรธแค้นกันมาก

โดยเฉพาะการสังหารเหยื่อที่ไร้ทางต่อสู้ ทั้งเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อายุ 2 ขวบ พนักงานหญิงที่มีลูกยังเล็ก และ รปภ.ที่ทำงานเลี้ยงครอบครัวลูกสามคน

คอมเมนต์ส่วนใหญ่ในโลกออนไลน์เรียกร้องว่าต้องประหาร หรือจับตาย หรือ
ทำอะไรบางอย่างให้ลงโทษมือปืนนายนี้อย่างสาสม

ถ้านักสิทธิมนุษยชนคนไหนเกิดเบรกกระแสน้ำเชี่ยวขึ้นมาตอนนี้ เดาว่าจะต้องโดนรุมถล่มอย่างไม่มีชิ้นดีแน่นอน

Advertisement

แต่มีคำพูดหนึ่งที่ชวนให้คิดและสะกิดใจขึ้นมา จากการให้สัมภาษณ์พ่อของเด็ก 2 ขวบ ว่าไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าต้องวิสามัญฯ คนร้ายหรือไม่ เพราะชีวิตแลกชีวิตก็ไม่ได้ช่วยให้ลูกฟื้นขึ้นมาได้

คำพูดดังกล่าวสะท้อนถึงแต่ความสูญเสียที่ยากจะทำใจ และขีดเส้นกั้นกับความแค้นที่มีต่อคนร้าย และขอให้เป็นเรื่องที่กระบวนการยุติธรรมจัดการไป

เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่พิสูจน์ทราบและค้นหาได้ยากว่า คนร้ายเองจะมีสำนึกในการ
กระทำรุนแรงโหดเหี้ยมหรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่าครอบครัวเหยื่อมีจิตใจที่เหนือกว่าและห่างไกลจากคนร้ายมาก
เวลาคนเราขัดแย้ง ต่อสู้ หรือแม้แต่ทำสงครามกัน ด้วยความเกลียดและโกรธแค้นกัน เป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเกิดโศกนาฏกรรมตามมา

Advertisement

ดังนั้นถึงมีคำเตือนสติว่า เวลาเราโกรธแค้น ไฟแค้นนั้นมักจะเผาตัวเราเองไปด้วย

กรณีตัวอย่างน่าสะเทือนใจระดับโลก เมื่อเร็วๆ นี้ คือเหตุการณ์ที่อิหร่านยิงเครื่องบินโดยสารของยูเครนตก คร่าชีวิตคนทั้งลำ 176 ราย

อิหร่านระบุว่าไม่ตั้งใจ และเสียใจมาก แต่ที่พลาดไปเพราะคิดว่าถูกศัตรูจู่โจมระหว่างที่เริ่มปฏิบัติการล้างแค้นให้นายพลที่ถูกสหรัฐฆ่าตาย

กรณีนี้จะบานปลายไปได้อีก หากทุกประเทศที่มีผู้โดยสารตกเป็นเหยื่อคิดว่าจะต้องล้างแค้นเอาคืนอิหร่านด้วยวิธีการยิงถล่มแบบเดียวกัน

แต่หากไม่ใช้วิธีรุนแรง อิหร่านจะต้องชดใช้และสำนึกถึงความผิดนี้ไปตลอด พร้อมกับตั้งกระบวนการยุติธรรมและเยียวยาให้แก่ผู้สูญเสีย

เมื่อใดก็ตามที่ผู้กระทำผิดมีจิตสำนึก และละอายต่อบาปของตนเองอย่างแท้จริง ความเจ็บปวดของผู้สูญเสียและถูกกระทำก็จะเบาบางลง

ย้อนกลับมาที่เมืองไทย เมื่อสิบปีก่อนเกิดเหตุยิงผู้คนกลางเมือง ถึงกับยิงเหยื่อเข้าไปในวัดโดยไม่รู้สึกรู้สา ทำคนไร้อาวุธตายไป 6 คน และมีคนอีกมากที่ถูกยิงตายบนถนนระหว่างปฏิบัติการสลายการชุมนุม

เป็นข้อเท็จจริงที่ว่า ชีวิตแลกชีวิตก็ไม่ได้ เมื่อความสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว แต่น่าแปลกใจว่า ยังมีคนที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดสะเทือนใจ กลับเสียดายโรงหนังถูกเผา มากกว่าเห็นใจญาติเหยื่อที่ถูกยิงตาย หนำซ้ำบางคนรำคาญที่ญาติเหยื่อเรียกร้องความยุติธรรม และการเยียวยา

บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า เราเป็นสังคมแบบมือปืนปล้นทองหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image