ไม่ว่าจะมองผ่านองค์กร ไม่ว่าจะมองผ่านปัจเจก ปัญหาอันเกิดขึ้นกระทั่งกลายเป็นความขัดแย้งในห้วงตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา
เป็นปัญหาสัมพันธ์กับ “วิธีคิด”
เมื่อมีวิธีคิด กระบวนการในทางความคิด ผิดพลาด คลาดเคลื่อน วิธีการทำงาน วิธีการเคลื่อนไหว ที่ตามมาแทนที่จะแก้กลับกลายเป็นการสร้าง
นั่นก็คือ เกิด “ปัญหา” ใหม่
ไม่ต้องยกตัวอย่างอื่นไกล ขอให้ดูกรณีของ นายกษิต ภิรมย์ ซึ่งเคยร่วม “อาหารดี ดนตรีไพเราะ” มากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ขอให้ดูกรณีของ นายกรณ์ จาติกวณิช ซึ่งเคยห้อย “นกหวีด” เป็นแนวร่วม กปปส.
เหตุใด นายกษิต ภิรมย์ จึงต้องกล่าวคำอำลาพรรคประชาธิปัตย์ เหตุใด นายกรณ์ จาติกวณิช จึงต้องถอยออกมา แม้จะยัง “รักเธอเสมอ”
นั่นย่อมสะท้อน “วิธีคิด” ที่เปลี่ยนแปลง
เด่นชัดว่าก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 นายกษิต ภิรมย์ คิดและหายใจร่วมรูจมูกเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์
จึงผันจาก “พันธมิตร” เข้าสู่ “ประชาธิปัตย์”
เด่นชัดว่าก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 นายกรณ์ จาติกวณิช คิดและหายใจร่วมรูจมูกเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์
จึงมั่นใจและลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น “หัวหน้าพรรค”
น่าสนใจว่า นายกษิต ภิรมย์ ยังหายใจร่วมรูจมูกเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างยาวนาน จนผ่านการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 จึงเริ่มตัดสินใจ
นี่ย่อมเป็นลักษณาการเดียวกันของ นายกรณ์ จาติกวณิช
แม้จะพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค แต่ นายกรณ์ จาติกวณิช ก็เข้าสู่การเลือกตั้งด้วยความมั่นใจ และเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ยุค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะยังเป็นธงนำ
แต่แล้วเมื่อถึงเดือนมกราคม 2563 ก็เริ่มตัดสินใจ
จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มายังสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง ในเดือนมกราคม 2563 มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก
ไม่เพียง “มาก” หากยัง “รวดเร็ว”
เราจึงได้เห็น นายกษิต ภิรมย์ เข้าร่วมเวทีเสวนา จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ กับพรรคอนาคตใหม่
เราจึงได้เห็น “ความฝัน” ของนายกรณ์ จาติกวณิช
เป็นความฝันที่กล้าในการทำสิ่งใหม่ เบิกสถานการณ์ใหม่ในทางการเมือง แทนที่จะย่ำซ้ำอยู่กับร่องรอยเดิม
มิใช่ร่องรอยในแบบ “รวมพลังประชาชาติไทย” มิใช่ร่องรอยเดิมในแบบ “ประชาธิปัตย์”
ผลสะเทือนจากปรากฏการณ์ใหม่ในสมรภูมิ “การเลือกตั้ง” นั้นเอง อุบัติแห่งพรรคการเมืองอย่างพรรคอนาคตใหม่นั้นเองที่ทรงพลานุภาพ
ก่อให้เกิดการขยับ ก่อให้เกิดการขับเคลื่อน
การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ในเบื้องต้นได้นำไปสู่การเปิดประตูให้กับคนรุ่นใหม่ไม่ว่า NEW DEM ไม่ว่า NEW BLOOD
คำถามก็คือ ณ วันนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน
หรือว่าปรากฏนั้นเสมอเป็นเพียงปรากฏการณ์ “ชั่วคราว” เมื่อผ่านพ้น “การเลือกตั้ง” ไปแล้วทุกอย่างก็ย้อนกลับไปที่เดิม
ขณะที่ “อนาคตใหม่” ไม่เคยหยุด ยังคงเดินหน้าต่อไป
