ที่เห็นและเป็นไป : ภารกิจของ‘ผู้นำ’ โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ

ในทางพุทธศาสนานั้น ทุกคนล้วนถูกบอกกล่าวว่าชีวิตนั้นควร “สงบ สะอาด สว่าง”

“สงบ” ที่พ้นจากฟุ้งซ่าน วิตก กังวล

“สะอาด” จากตัณหา พยาบาทที่ก่อให้เกิดความเศร้าหมองในจิต

“สว่าง” ด้วยการเข้าใจความเป็นจริงของโลกและชีวิต ที่สำคัญคือสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสอดคล้องกับกฎกติกาของสิ่งที่แวดล้อม ทั้งที่เป็นไปโดยธรรมชาติ และที่มนุษย์สร้างขึ้นอันหมายถึงโครงสร้างอำนาจและกฎหมายบ้านเมือง หรือเลยไปถึงวัฒนธรรม ประเพณี

Advertisement

ชีวิตและสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดความกลมกลืนเข้าอกเข้าใจในกันและกันได้ ย่อมนำมาซึ่งความสุขสงบ

เป้าหมายของทุกชีวิตควรจะคือ “ความสุข”

“มนุษย์” ซึ่งถือว่าตัวเองเป็น “สัตว์ประเสริฐ” สมควรอย่างยิ่งที่จะทำให้ตัวเองและสังคมรอบข้างมี “ความสุข”

Advertisement

ทว่าในความเป็นจริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่

ทั่วโลกเต็มไปด้วยสังคมที่พลเมืองมีชีวิตอยู่ในความน้อยเนื้อต่ำใจต่อการใช้อำนาจของชนชั้นปกครอง กติกาที่สร้างขึ้นมาบังคับใช้ก่อให้เกิดแรงเสียดทานในจิตใจประชาชนอย่างรุนแรง

ยิ่งการบังคับใช้ดูจะเป็นเรื่องตามอำเภอใจของคนที่มีอำนาจ แรงเสียดทานเหล่านั้นจึงกดดันให้เกิดความคับแค้นเจ็บปวด

สังคมที่อบอวลๆ ไปด้วยบรรยากาศคับแค้น ข้องใจ รวดร้าวในชะตากรรมของผู้ถูกกระทำที่รู้สึกว่าไม่เป็นธรรม ย่อมห่างไกลจากความสุขสงบ

เรื่องที่เกิดขึ้นล่าสุด ซึ่งน่าคิดไม่น้อยว่า “เป็นเพราะอะไร” คือคำวินิจฉัย “คดียุบพรรคอนาคตใหม่”

ทั้งที่ในที่สุดแล้ว “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำสั่งยกคำร้อง ซึ่งหมายถึง “พรรคอนาคตใหม่ไม่ถูกยุบ”

และเมื่ออ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นความคิดที่สะท้อนถึง “ความเป็นธรรม” มีเหตุมีผลที่รับฟังแล้วสัมผัสได้ถึงความมีหลักการที่เที่ยงธรรม

อันสมควรอย่างยิ่งที่จะได้เห็นคนในสังคมยกย่อง ชื่นชม

แต่กลับกลายไม่เป็นเช่นนั้น

หากติดตามความรู้สึกนึกคิดของผู้คน ซึ่งในปัจจุบันทำได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องเดินไปสัมภาษณ์ ชวนคุยเหมือนในอดีต เพราะมีโลกออนไลน์ที่แต่ละคนสามารถแสดงออกได้ทันทีเมื่อมีเรื่องราวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวใด

จะพบว่าแม้มีคนไม่น้อยชื่นชมกับคำวินิจฉัยนี้อยู่บ้าง แต่มีคนจำนวนมากซึ่งทั้งที่ดีใจกับคำวินิจฉัย แต่กลับยังแสดงถึงความไม่พอใจต่อบทบาทการใช้อำนาจ กระทั่งเห็นว่า “ไม่ควรรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาตั้งแต่แรกแล้ว” ก็มีไม่น้อย

ที่มากมายท่วมท้นคือ แม้จะแสดงออกในทางปกป้อง ร่วมสู้กับ “พรรคอนาคตใหม่” แต่กลับมีความเชื่อว่า “อนาคตใหม่ต้องถูกยุบแน่ในคดีหลัง” คำวินิจฉัยยกคำร้องเป็นเพียงการสร้างขึ้นสำหรับอ้างความชอบธรรมในครั้งหน้าที่จะสั่งยุบพรรคเท่านั้น

เรื่อง “คิดเอง เออเอง” แล้วเชื่ออย่างเอาเป็นเอาตายว่าจะเป็นอย่าง “ที่คิดที่เออ” แบบนี้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีความรู้ มีประสบการณ์ และอยู่ในแวดวงใกล้ชิดความเป็นไปทางการเมืองเสียด้วยซ้ำ

ตรงนี้เองจึงเป็นเรื่องน่าคิดว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยเรา”

ทั้งๆ ที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนในความเห็นที่ยอมรับได้ว่ามีเหตุมีผลในฐานของความเป็นธรรม

ทั้งที่คดีในอนาคตยังไม่ได้พิจารณา

และทั้งที่เป็นความเห็นของกลุ่มคนที่ชัดเจนมาตลอดว่าเอาใจช่วย และร่วมสู้กับพรรคอนาคตใหม่ แต่กลับเชื่อว่า “พรรคอนาคตใหม่ไปไม่รอด”

สังคมที่ผู้คนจะอยู่ร่วมกันด้วย “ความสุขสงบ”

ต้องเป็นสังคมที่ชีวิต ความคิด ความเชื่อของผู้คนสอดคล้องกลมกลืนกับสิ่งรอบข้าง กลมกลืนกับกฎธรรมชาติ สอดคล้องกับกติกาการอยู่ร่วมกัน

ความคิด ความเชื่อ และศรัทธาจะต้องไม่เสียดทาน กดดันกับโครงสร้างอำนาจ

สังคมที่ “มั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืน” ในความสุข

ผู้นำ ผู้บริหารต้องมีเป้าหมาย และมีความสามารถพอที่จะสร้างความกลมกลืน สอดคล้องนั้น

สุชาติ ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image