เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 มกราคม ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย ส.ส.กทม. อาทิ น.ส.ทิพานันท์ ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพปชร. นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา น.ส.ภาดา วรกานนท์ แถลงข่าวเปิดตัว ศูนย์ประสานงานพีเอ็ม 2.5 (PM 2.5) และมาตรการป้องกันเกี่ยวกับฝุ่นพีเอ็ม 2.5
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การเปิดศูนย์ประสานงาน PM2.5 ของพรรค เพื่อรับฟังแนวทางการแก้ปัญหาจากทุกภาคส่วน และเป็นศูนย์กลางในการจัดการแก้ไขปัญหาเพราะขณะนี้นอกจากปัญหาเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็กแล้วก็ยังมีเรื่องของไวรัสโคโรนาที่ต้องสร้างความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้ป้องกันไปในช่วงเวลาเดียวกัน โดยพรรคมี 10 วิธีเร่งด่วนที่จะเป็นต้นแบบขยายผลไปสู่ภาคประชาสังคมในการแก้ปัญหา อาทิ ต้นแบบฟอกอากาศระดับเมือง ติดตั้งระบบอนุภาคกำแพงละอองน้ำดักจับฝุ่นพีเอ็ม 2.5 โดยมีหัวจ่ายละอองน้ำขนาดเล็ก หรือเรียกว่า พีเอ็มไฟท์ (PM flight) ที่จะเสนอนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พิจารณาเพื่อขยายผลไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะที่ภาคครัวเรือนสามารถซื้อได้ในราคาที่ไม่แพงเกินไป สำหรับติดตั้งบริเวณที่อยู่อาศัยเพื่อลดปริมาณของฝุ่น บริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง จัดทำเซฟตี้โซนตามโรงพยาบาลและโรงเรียน เป็นต้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนั้นในสัปดาห์หน้าจะประสานเรื่องการลดราคาค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล เพื่อลดปัญหาควันดำที่เป็นสาเหตุสำคัญของ PM2.5 ขณะที่ในวันที่ 1 มีนาคมจะเร่งติดตั้งหัวจ่ายน้ำมัน B10 สำหรับรถยนต์ และB20 ในรถบรรทุกในทุกปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม จะมีการเข้มงวดในการตรวจจับรถควันดำอย่างเข้มข้นมากขึ้นหลังจากครม. มีมติออกมาแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้เป็นห่วงเรื่องดังกล่าว ถึงขั้นนอนไม่หลับ ทั้งนี้ หากมีช่วงวิกฤตฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานรุนแรง ทางพรรคพลังประชารัฐจะจัดหาพื้นที่ชั่วคราวเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาหลบฝุ่นได้
เมื่อถามถึงกรณีผลโพลระบุว่าประชาชนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาฝุ่นได้ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องฝุ่นละอองเป็นอย่างมาก โดยครม.ได้มีมติออกมาแก้ไขในเรื่องนี้ ซึ่งปัญหา PM2.5 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นช่วงๆ เป็นเรื่องที่เป็นปัญหาของรัฐบาลทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้น ก็พยายามอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาระยะสั้นในช่วงที่เกิดวิกฤต แต่มาตรการบางอย่างนั้นก็ไม่ส่ามารถจะแก้ปัญหาได้ทัน เพราะเป็นปัญหาที่สะสมมา รัฐบาลทราบดีถึงความรู้สึกของพี่น้องประชาชน เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องทุ่มเทแก้ปัญหา เรื่องฝุ่นพิษเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันด้วยส่วนที่ #รัฐบาลเฮงซวย ติดเทรนด์ทวิตเตอร์นั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ก็ตรวจสอบอยู่แต่ถ้าจะแก้ให้จบต้องใช้ยาแรงมาก ซึ่งหลายอย่างในประเทศไทยทำไม่ได้ เราจะเน้นการสื่อสารถึงประชาชน ยืนยันไม่นิ่งนอนใจ
จากนั้นนายสนธิรัตน์ ได้นำคณะเดินรณรงค์แจกหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 บริเวณตลาดนัดสวนจตุจักร พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากในการป้องกันไวรัสโคโรนาด้วย
