กมธ.ปราบโกงตีฝีปากต่อหน้า “นายหัวชวน” ร่วมฟังพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีบุกรุกทะเลภูเก็ต “สิระ” ประกาศถอนหงอก “เสรีพิศุทธ์” หลังไม่ยอมถอน ปมหนีรับเรื่องร้องเรียน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 29 มกราคม ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน กมธ. ได้นัดประชุม โดยมีวาระการตรวจสอบกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ และไม่มีความชอบต่อการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เข้าสู่การพิจารณาในระเบียบวาระประชุมลำดับที่ 4.2 โดยได้เชิญนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการ ครม. กับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้ชี้อแจงข้อเท็จ แต่วาระดังกล่าวได้เลื่อนออกไป เนื่องจากนางธีระพงษ์ได้แจ้งขอเลื่อน ขณะที่นายพรเพชรนั้นให้เลขาส่วนตัวโทรศัพท์แจ้งว่า ไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ นอกจากนี้ในระเบียบวาระ ยังมีเรื่องที่มีการร้องเรียนให้ กมธ.ป.ป.ช.ตรวจสอบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 เรื่องที่อยู่ในระเบียบวาระ คือ 1.การไม่ดำเนินการจับกุม
พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ 2.กรณีนายชวน ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมสภา ข้อที่ 85 ว่าด้วยการนับคะแนนใหม่หรือไม่ ในกรณีตั้ง กมธ. ศึกษาผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรา 44 ต่อมา เวลา 10.50 น. ในระหว่างการพิจารณา เรื่องตรวจสอบผลกระทบจากประชาชนที่ได้รับจากโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่หาดกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื่องจากโรงแรมดังกล่าวสร้างอาคารคร่อมคลองสาธารณประโยชน์ ซึ่งเชิญ นายอิทธิพร สังข์แก้ว รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรน เข้าชี้แจง นายชวนได้เข้าร่วมฟังการประชุมด้วย โดยในระหว่างนั้น กมธ.สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ ได้พยายามสอบความเห็นจากนายชวน ถึงประเด็นทางจริยธรรมของ ส.ส. โดยนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ สอบถามว่า ในฐานะที่ตนเองเป็น ส.ส.สมัยแรกอยากถามว่า การที่ประธาน กมธ. ใช้คำว่า เสือกกับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ สามารถกระทำได้หรือไม่ และหากมีการกล่าวเช่นนี้กับประธาน กมธ.บ้างจะทำได้หรือไม่ แต่กมธ.บางส่วนได้ตัดบท นำโดยนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการ กมธ. ได้เรียกร้องให้กมธ.พิจารณา ในเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน แต่ทว่า
ด้าน น.ส.ปารีณากล่าวว่า อยากขอให้ประธาน กมธ. ถอนคำว่า เสือก ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้หันไปถามนายชวน ซึ่งนั่งอยู่ด้านขวามือของตนเองว่า มีอะไรจะกล่าวกับที่ประชุมหรือไม่ แต่นายชวน แจ้งกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า ขอให้ที่ประชุมดำเนินการประชุมไปตามระเบียบวาระปกติ อย่างไรก็ตาม การประชุมยังไม่สามารถเข้าสู่วาระการประชุมได้ เนื่องจาก กมธ.ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ยังพยายามสอบถามเรื่องความเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางจริบธรรมหลายครั้ง แต่นายชวนไม่ได้กล่าวอะไรกับที่ประชุม มีแต่เพียง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ที่ได้กล่าวว่า “ในเมื่อประธานสภาไม่ได้มีความเห็น ก็จะขอประชุมตามระเบียบวาระ เรื่องการตรวจสอบจริยธรรมก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ ส่วนเรื่องคำพูดที่ขอให้ถอนนั้นจะต้องไปดูถึงที่มาด้วยว่าก่อนที่จะมีการพูดคำว่าเสือกคืออะไร เพราะที่ผ่านมามีแต่การพูดถึงเฉพาะตอนสุดท้ายเท่านั้น” ระหว่างที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กำลังดำเนินการตามระเบียบวาระ น.ส.ปารีณาได้ยกมือพยายามพูดแทรกว่า “ท่านประธานคะ” หลายครั้งไม่หยุด แต่เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้สนใจ ทำให้น.ส.ปารีณาถึงกับกล่าวว่า “ท่านอย่ามาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิคะ”
จากนั้น น.ส.ปารีณา ได้เดินไปหานายชวนที่นั่งอยู่ข้าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพื่อไปขอให้เร่งตรวจสอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ได้ยื่นให้นายชวนได้ตรวจสอบ แต่นายชวนไม่ได้กล่าวตอบอะไรกับ น.ส.ปารีณา ที่ประชุมจึงได้ซักถามรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรนตามระเบียบวาระต่อไป จากนั้น ที่ประชุม กมธ.กลับมาวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ซักถาม นายอิทธิพร สังข์แก้ว รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรน ว่า วันที่จะยื่นเรื่องร้องเรียนในกรณีดังกล่าว นอกจาก นายมงคลกิตติ์ สุขสินทรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แล้วมี ส.ส.ที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ร่วมด้วยอีกหรือไม่ ซึ่งนายอิทธิพร ระบุว่า มีนายสิระอยู่ด้วย ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า แสดงว่า มี ส.ส.ที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ไปลงพื้นที่ด้วย แต่ไม่ได้รับเรื่องร้องเรียน เพราะปิดรถหนี ทำให้นายสิระตอบโต้ทันที โดยขอให้ถอนคำพูดที่ว่า “หนี” เนื่องจากนายมงคลกิตติ์เป็นผู้รับเรื่องแล้ว จึงไม่ได้รับเรื่อง ดังนั้น คำพูดที่ว่า หนีทำให้ตนเสียหาย ซึ่ง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ถอน เพราะเป็นคำพูดจากผู้ชี้แจง ทำให้การโต้ตอบเริ่มรุนแรง จนทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ปิดไมโครโฟนของนายสิระจำนวนหลายครั้ง แต่นายสิระกล่าวด้วยถ้อยคำว่า “ปากอย่างนี้ เดี๋ยวมีคดีอีก ตอนแก่ก็ต้องไปเจอกันที่ศาล แม้ท่านจะอายุมากกว่าผม แต่ผมจะถอนหงอกท่าน” โดยที่นายชวนยังนั่งร่วมการประชุมด้วย พร้อมกับถอนหายใจเป็นระยะๆ ก่อนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ตัดบท โดยขอให้ กมธ.สรุปในเรื่องดังกล่าวและเข้าสู่เรื่องตามระเบียบวาระต่อไป นายชวนจึงขออนุญาตออกจากห้องประชุมโดยไม่ได้กล่าวใดๆ 
