9.00 น.INDEX ‘เสียง’ ของประชาธิปัตย์ สำคัญ กับประชามติ วันที่ 7 สิงหาคม

รายการ”เชียร์”ร่างรัฐธรรมนูญ ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สร้างความคึกคักเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงแต่จะตามมาด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์
ไม่เพียงแต่จะตามมาด้วย นางธิดา ถาวรเศรษฐ
ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตลอดรายการยืนยัน “รับ” ด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น มั่นคง
ทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนางธิดา ถาวรเศรษฐ มองต่างมุม
แม้ไม่บอกว่า “ไม่รับ” แต่ก็รู้ๆ กันอยู่
กระนั้น ผลตามมาอย่างจับต้องได้เป็น “รูปธรรม” คือ ท่าทีอันมาจากภายในพรรคประชาธิปัตย์
นายวัชระ เพชรทอง ประกาศ “ไม่รับ”
นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ประกาศ “ไม่รับ”
“น้ำเสียง” อันเปล่งออกมาจาก “ภายใน” พรรคประชาธิปัตย์นี่แหละที่สำคัญ
สำคัญกับ “ประชามติ”

ขอให้ย้อนไปศึกษา “ประชามติ” เมื่อเดือนสิงหาคม 2550 ในยุคของ “คมช.”
ท่าทีของ “พรรคการเมือง” เป็นอย่างไร
ตอบได้เลยว่าเสียงของพรรคไทยรักไทยเฉียบขาดมั่นคงว่า “ไม่รับ” ร่างรัฐธรรมนูญ
พรรคประชาธิปัตย์ ว่า “รับ” ไปก่อนแล้วค่อยแก้ไขทีหลัง
ผลก็คือ คะแนนของฝ่ายรับ 14,727,306 คะแนนของฝ่ายไม่รับ 10,747,441
จึงได้ประกาศและบังคับใช้ “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550”

มาถึงการทำ “ประชามติ” ต่อ “ร่างรัฐธรรมนูญ” ที่จะมีในเดือนสิงหาคม 2559
พรรคเพื่อไทยประกาศ “ไม่รับ”
พรรคประชาธิปัตย์ถูกมองว่า “แทงกั๊ก” แต่ก็เป็นการแทงกั๊กซึ่งไม่เหมือนกับเมื่อเดือนสิงหาคม 2550
นั่นก็คือ แทงกั๊กเฉพาะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่เสียงจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เด่นชัดว่า “รับ” ขณะที่เสียงจากอีกหลายส่วน”ภายใน “พรรคประชาธิปัตย์ ไม่สุกงอมที่จะรับ หากทำท่าว่าจะ “ไม่รับ”
“เสียง”อย่างนี้แหละ “สำคัญ”
เพราะว่าในการเลือกตั้งล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยได้ 15 ล้านคะแนน พรรคประชาธิปัตย์ได้ 11 ล้านคะแนน จากทั่วประเทศ
เมื่อ 11 ล้านเสียงไม่เป็น “เอกภาพ” ย่อมไหลไปทาง 15 ล้านเสียงของพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ผู้มีสิทธิคือ 50,585,118
การไหลของ “พรรคประชาธิปัตย์” เท่ากับเพิ่มให้กับ 15 ล้าน เสียงของ “พรรคเพื่อไทย”
ถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะดึงไหวหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image