กรณีเสียบบัตรแทนกันอันส่งผลสะเทือนต่อร่างพรบ.งบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ไม่เพียงแต่สะท้อนปัญหาภายใน กระบวนการตรากฎหมายในรัฐสภาเท่านั้น
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังสะท้อนปัญหาอันเนื่องจากกลไกกระบวนการและโครงสร้างทางการเมืองที่บิดเบี้ยวอย่างเด่นชัด
ถามว่าทำไมจึงต้องมีการเสียบบัตรแทนกัน
คำตอบ 1 เพราะสภาวะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำมีจำนวนมากกว่าฝ่ายค้านเพียงเล็กน้อย จึงจำเป็นต้องใช้กระบวนการทุกอย่างแม้จะมิชอบด้วยข้อกฎหมายก็ตาม
คำตอบ 1 สภาวะเสียงปริ่มน้ำเช่นนี้เป็นผลมาจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่ต้องการสืบทอดอำนาจ
แม้จะเป็นการสืบทอดอำนาจอย่างฉ้อฉล บิดเบือนก็ตาม
เบื้องหน้าวิกฤตทางการเมืองนับแต่เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเมื่อเดือน มีนาคม 2562 เป็นต้นมา
จำเป็นต้องย้อนกลับไปพิจารณาปัญหาอย่างมีสติ
ไม่ว่าจะเป็นพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรป.ว่าด้วย การเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรป.ว่าด้วยกกต.
อันเป็น “กฎหมายลูก” เนื่องแต่ “กฎหมายแม่” คือรัฐธรรมนูญ
จะสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ถึงสภาวะบิดเบี้ยว เบี่ยงเบนหรือแม้กระทั่งฉ้อฉลได้ตลอด 2 รายทาง พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้พรรคการเมืองที่เป็นของรัฐบาลจัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้งๆที่ไม่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ทั้งๆที่มีคะแนนเสียงจำนวน 250 เสียงตุนเอาไว้ในวุฒิสภาอยู่แล้วก็ตาม
เมื่อเริ่มต้นติดกระดุมผิด สภาวะบิดเบี้ยวในสภาผู้แทนราษฎรจึงบังเกิดกระทั่งจำเป็นต้องทำความผิดแม้กระทั่งต้องเสียบบัตรแทนกัน
ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคพลังท้องถิ่นไท ซึ่งล้วนเข้าไปอยู่ในวังวนแห่งการเสียบ บัตรแทนกัน
จำเป็นต้องย้อนกลับไปพิจารณาปัญหาอันเกิดขึ้นตามสภาพความเป็นจริง
ความเป็นจริงที่มีการเสียบบัตรแทนกัน
ทาง 1 จำเป็นต้องมีการสอบสวนและลงโทษอย่างเคร่งครัด ทาง 1 จำเป็นต้องย้อนกลับไปพิจารณาตัวรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง
หากไม่แก้ที่ตัวรัฐธรรมนูญก็จะยิ่งจมอยู่ในปลักแห่งน้ำเน่านี้