ระหว่างการออกโรงของพรรคพลังประชารัฐที่นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
กับที่นำโดย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายอำนวย คลังผา
ได้ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบและสร้างภาพที่แตกต่างและความเหมือนในทางการ เมืองอันแหลมคมเป็นอย่างสูง
เหมือนตรงที่ทั้งหมดล้วนเคยอยู่กับพรรคไทยรักไทยมาก่อน
เหมือนตรงที่ทั้งหมดล้วนออกมาเพื่อสร้างหลักประกันความมั่นใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ต่างตรงที่ฝ่ายแรกมีสถานะมีตำแหน่งในรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายหลังอาจมีตำแหน่งแต่ก็มิได้มีบทบาทและความหมายมากนัก
อย่าได้แปลกใจหากว่าในกลุ่มที่จะแทรกตัวเข้าไปมีบทบาทในการตระเตรียมรับมือกับการอภิปรายอย่าง มีรูปการ
เรียกว่า “คณะทำงาน อ.ส.ว.” แยกจำแนกออกมาอย่างเป็นระบบ
นั่นก็คือ ทีม อ. มี นายอนุชา นาคาศัย เป็นหัวหน้ารับผิดชอบประสานพรรคและครม. นั่นก็คือ ทีม ส. มี นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นหัวหน้ารับผิดชอบประสานพรรคเล็กและทีมดาวยั่วทั้งหมด
นั่นก็คือ ทีม ว. มี นายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นหัวหน้ารับหน้าที่ประสานพรรคร่วมรัฐบาลและทีมพรรคร่วมรัฐบาลทั้งทีม ไม่ว่าจะพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา
อาจกล่าวได้ว่า คณะทำงาน อ.ส.ว.อยู่ในสภา อาจกล่าวได้ว่า คณะทำงาน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เล่นบทนอกสภา
จากนี้จึงเห็นได้ว่าทีมของรัฐบาลไม่เพียงแต่จะมี นายวิษณุ เครืองาม คอยดูแลในด้านกฎหมาย ข้อบังคับและกระบวนการประชุมทางด้านรัฐสภาเท่านั้น
หากแต่ยังมีทีมของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ จัดหน่วยทะลวงฟัน เข้าปะทะตอบโต้ในแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ความน่าสนใจก็คือรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล้วนมีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมในการนำเอาอาวุธเดิมของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน
มาสัประยุทธ์ต่อ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย
เท่ากับเอา”หอกไทยรักไทย”สวนกลับ”ฝ่ายค้าน”