ไม่ว่าคำเตือนอันมาจาก กสทช. ไม่ว่าคำเตือนอันมาจากรัฐบาลสะท้อน ให้เห็นอย่างเด่นชัดถึง “ภูมิทัศน์” ของสื่อสารมวลชนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเป็นรูปธรรมจากสถานการณ์ “จ่าคลั่ง” ที่โคราช
เป็นการเตือนไปยังการถ่ายทอดสด คล้ายกับจะเน้นหนักไปยังโทรทัศน์ แต่กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้วโทรทัศน์ก็เสมอเป็นทางผ่าน
เพราะทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นมาจาก “ไลฟ์สด” ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์สดโดยตัวของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์สดของสื่อสำนักต่างๆ
ท่าทีของ กสทช. ท่าทีของรัฐบาล จึงเท่ากับยอมรับและเน้นอย่าง หนักแน่นไปยังสื่อใหม่ นั่นก็คือ สื่อโซ เชียล มีเดีย มิได้เป็นสื่อโทรทัศน์ มิได้เป็นสื่อหนังสือพิมพ์ดังในอดีต
อิทธิพลของสื่อใหม่ทำให้ “ไวยากรณ์” ในการเสนอข่าวเปลี่ยนไป
ไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยาอันปรากฏผ่านเสียงโห่ดังกระหึ่มในห้วงแห่งการเปิดจุดขาย “หน้ากากอนามัย” ณ กระทรวงพาณิชย์
ไม่ว่าจะเป็นกรณี “ผนงรจตกม” ในฟุตบอลประเพณี
ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียงและรายละเอียดอันน่าตื่นเต้นสะท้อนกระบวนการจัดการกับกรณี “จ่าคลั่ง” ณ ศูนย์การค้า นครราชสีมา ข้ามวันข้ามคืน
ล้วนมีจุดเริ่มมาจาก “สื่อออนไลน์” จากนั้นจึงไปปรากฏผ่านสื่อโทรทัศน์ และสื่อหนังสือพิมพ์
ลักษณะการครอบงำของ “สื่อออนไลน์” มิได้เป็นเรื่องของข่าวอันมากด้วยความตื่นเต้นทั้งภาพและเสียงครบครัน หากที่สำคัญเป็นอย่างมากภายในภาพและเสียงนั้นยังมีความเห็นสดๆ
ความเห็นสดๆดิบๆนั่นแหละ ที่กำลังมีบทบาทอย่างสำคัญในการก่อกระแสจาก # ยอดนิยมในแต่ละห้วง แต่ละสถานการณ์
ถามว่า # ฟ้ารักพ่อ มีจุดเริ่มต้นมาอย่างไร ถามว่า # เซฟธนาธรมีจุดเริ่มต้นมาอย่างไร
ตอบได้เลยว่ามาจาก “เทรนด์” ของ “ทวิตเตอร์”
ระหว่างเทรนด์ของสื่อ “เก่า” กับ เทรนด์ของสื่อ “ใหม่” กำลังดำเนินไปอย่างชนิดสวนทางกันเป็นอย่างมาก
ใครอยู่ในลักษณะนำหน้า ใครอยู่ในลักษณะตามหลัง
ในเมื่อความเป็นจริงก็คือ สื่อ “ใหม่” ได้ครอบครองพื้นที่ข่าวไปแล้วที่มีผลสะเทือนตามมาก็คือ การครอบครองพื้นที่ความเห็น
ช่องว่างระหว่างสื่อเก่ากับสื่อใหม่ก็ยิ่งถ่างห่างออกไป ออกไป