ถอดรหัส‘บิ๊กแดง’สังคายนา-ยกเครื่องกองทัพ

หมายเหตุ – ความเห็นนักวิชาการ กรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ตั้งโต๊ะแถลงปม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ถมมา สังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ชิงอาวุธในค่ายทหารไปก่อเหตุฆ่าประชาชนระหว่างทาง และเจ้าหน้าที่ที่ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช โดยจะมีการสังคายนากองทัพบกใหม่นั้น

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ จ.นครราชสีมา ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตัดสินใจสังคายนาองค์กรตัวเองใหม่ อย่าเพิ่งเรียกว่าปฏิรูป เพราะเป็นเพียงการสังคายนาองค์กรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาใหม่ให้กับสังคม

Advertisement

เช่นการที่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ หรือนายทหารที่เคยอยู่บ้านพักหลวงที่เกษียณอายุราชการมานานแล้ว จะต้องย้ายออกภายในเดือนนี้ เพื่อพัฒนากำลังพลให้ท่านอื่นเข้ามาอยู่ใหม่ได้ เหล่านี้ คือสิ่งที่สังคมไทย หรือฝ่ายการเมืองที่เห็นต่างเคยใช้ข้อนี้โจมตีมานาน เป็นการค่อยๆ แก้ไขในบางเรื่อง

ประการต่อมา คือ เรื่องสวัสดิการต่างๆ จะเห็นว่าตั้งแต่ คุณอภิรัชต์ คงสมพงษ์ เข้ามา ก็มีการพยายามยกระดับสวัสดิการ ความเป็นอยู่ของพลทหารชั้นผู้น้อยเพื่อป้องกันความเห็นข้อวิพากษ์ เช่น มีการสุ่มตรวจเรื่องคุณภาพอาหารกลางวันของพลทหาร จะเห็นได้ว่าคุณอภิรัชต์ค่อนข้างมีความเข้มงวดในการจัดระเบียบองค์กร แบบที่ไม่เป็นข่าว ซึ่งความจริงแล้วมีการทำอย่างเนื่อง แต่ด้วยที่ผ่านมาอาจจะมองเรื่องการวิวาทะทางการเมืองมากจนเกินไป จนไม่ได้พื้นที่ในการประชาสัมพันธ์งานของตนเอง

นัยยะที่คุณอภิรัชต์แสดงออกมาในการแถลงข่าวเมื่อวาน เปรียบเหมือนสภาวะที่พ่อไม่สามารถควบคุมลูกที่ไปทำร้ายประชาชนได้ ทำร้ายไม่พอ ท้ายที่สุดยังต้องยอมเห็นลูกถูกวิสามัญฯ แน่นอนว่าเป็นความรู้สึกเจ็บปวดแม้ลูกในที่นี้คือผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นความเจ็บปวดที่คุณอภิรัชต์ยอมรับ ที่ต้องขอโทษในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา ใช่ว่าจะเสียน้ำตาหรืออ่อนไหวไม่ได้

Advertisement

ด้วยถูกสถานการณ์บีบคั้น จน ผบ.ทบ.อยู่ในจุดที่ต้องอธิบายกับสังคมให้เกิดความกระจ่าง และนำไปสู่การตรวจสอบ ซึ่งหมายความว่านับจากนี้ไปจะมีการลงไปจัดการขบวนการที่ไม่ชอบมาพากล จัดการเหลือบไรที่มาหาผลประโยชน์ในกองทัพบก เช่น ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านพักสวัสดิการของกองทัพบก ในกรณีที่เกิดเงินทอนขึ้น หรือ การแสวงหาผลประโยชน์ของขบวนการเหล่านี้จะต้องหมดไป คุณอภิรัชต์คงจะลงไปจัดการ ซึ่งความคืบหน้าหลังจากนี้จะนำไปสู่การโยกย้ายประจำปี ระดับนายพลในเดือนเมษายน และหลังจากนั้นเป็นชั้นผู้พัน แม้อาจไม่ประกาศรายชื่อว่าใครเป็นคนผิด แต่สื่อมวลชนก็คงจะเอาไปขยายข่าวกันภายหลังว่าผู้ถูกย้ายออกจากตำแหน่งเหล่านั้นน่าจะมีมูลเหตุ
มาจากอะไร เป็นการยกระดับมาตรฐานให้กองทัพภายใต้คุณอภิรัชต์มีความเป็นสากลมากขึ้น

โลกปัจจุบันอยู่ในภาวะไร้พรมแดนของโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่เข้ามามีผลต่อการติดตามการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งของสื่อมวลชน ทั้งสะท้อน วิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงติดตามการทำงานของกองทัพ ซึ่งจะเห็นว่ากองทัพก็ยอมรับฟัง ไม่ได้ปกป้องพวกเดียวกัน อย่างกรณีที่ผ่านมา ตั้งแต่ ผบ.ทบ.ท่านที่แล้ว ก็มีการย้ายนายทหารที่เป็นเพื่อร่วมรุ่นที่เกี่ยวข้องกับกรณีโรฮีนจา ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 โดยนำนายพลท่านนั้นเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย จะเห็นว่ากองทัพเองก็ไม่ได้มองว่าเป็นพวกพ้องจะต้องปกปิด และดูเหมือนว่ากองทัพจะใช้หัวใจฟังสังคมมากขึ้นด้วยซ้ำ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

จากแนวทางของ พล.อ.อภิรัชต์เชื่อว่าจะทำให้สังคมเกิดความรู้สึกผ่อนสถานการณ์จากหนักให้เป็นเบา ให้คนรู้สึกว่ากองทัพยังแสดงความรับผิดชอบอย่างน้อยการติดตามคดีความที่เกี่ยวข้องในกรณีที่ผู้ก่อเหตุกับคู่กรณีที่เป็นทหารด้วยกัน ว่าจะต้องมีกระบวนการนำคนผิดมาลงโทษ คือสิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์ทำได้ในช่วง 7-8 เดือนที่เหลืออยู่ก่อนเกษียณ และแม้บางเรื่องอาจทำไม่ทัน ก็สามารถส่งมอบให้ ผบ.ทบ.คนต่อไปรับช่วงต่อได้

ท้ายที่สุด กองทัพจะต้องรับฟังข้อเรียกร้องจากสังคมมากขึ้น แน่นอนว่าหลายคนแยกแยะเรื่องปัจเจก และเรื่องของสถาบันกองทัพ ไม่เอามารวมกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่กังวลใจ คือถ้อยคำที่คุณอภิรัชต์พูดว่า กองทัพบกเป็นองค์กรแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์

กองทัพเป็นของประชาชน ดังนั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น ตลอดจนความปรารถนาดีเพื่อให้กองทัพเป็นกองทัพมืออาชีพแห่งศตวรรษที่ 21 ให้อยู่ท่ามกลางสากลอย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี ต้องระมัดวะวังในการตีความ คนที่รักคุณอภิรัชต์ก็จะไม่สงสัยในคำนี้

แต่คนที่มองต่างจะตั้งคำถามว่าจะเป็นการปิดกั้นไม่รับฟังความเห็นที่แตกต่างหรือไม่ คืออีกเรื่องที่ ผบ.ทบ.จะต้องเปิดใจให้กว้างขึ้นด้วย

ผศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วัชร
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ม.เชียงใหม่

ในการแถลงของบิ๊กแดง อาจจะยังไม่ได้เห็นภาพในการปฏิรูปโครงสร้างกองทัพทั้งหมดอย่างชัดเจน สิ่งหนึ่งที่คิดว่าเป็นปัญหาคาราคาซัง คือการทำธุรกิจซึ่งบางอย่างเป็นสีเทา สิ่งที่บิ๊กแดงกล่าวมา เป็นการแก้ปัญหาส่วนหนึ่งของกองทัพ แต่ยังไม่ได้เห็นสัญญาณมากนักในการปฏิรูปโครงสร้างใหญ่ แต่ที่ค่อนข้างตรงประเด็นและเป็นไปในทางบวก คือ การที่จะแก้ปัญหาธุรกิจสีเทา และผลประโยชน์บางอย่างซึ่งทำให้เกิดคำถามเรื่องธรรมาภิบาลอย่างไรก็ตาม ต้องมองระยะยาวว่าในทางปฏิบัติจะทำได้จริงหรือไม่เพราะผลประโยชน์ยึดโยงกันหลายส่วน ต้องมีการประเมินเป็นระยะๆ และมีความชัดเจนมากกว่านี้

ปกติการดูแลกำลังพลในกองทัพจะมีการดูแลสุขภาพจิตเป็นพิเศษเฉพาะทหารที่อยู่ในสถานการณ์การรบ และกลับจากการรบซึ่งเป็นหลักการปฏิบัติโดยทั่วไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปัญหาหนึ่งที่พบ และคิดว่ากองทัพน่าจะพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ ปัจจุบันปัญหาโรคซึมเศร้า ปัญหาความเครียดของคนในกองทัพ จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมเป็นพิเศษ เรื่องส่วนตัวของคนในกองทัพจะกลายเป็นเรื่องสาธารณะ เพราะคนเหล่านี้มีการติดอาวุธ เพราฉะนั้น ต่อไปกองทัพอาจต้องมีการดูแลสุขภาพจิตของคนในกองทัพในเรื่องใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกำลังคนใหม่ๆ ที่ติดโซเชียล หากทำได้จะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต

ทุกวันนี้ หน่วยงานราชการไทยหลายส่วนที่ไม่ใช่กองทัพ อยากมีกองกำลังติดอาวุธอยู่ในสังกัดตัวเอง สิ่งนี้ก็ต้องระวังด้วย ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม ไม่ควรยึดติดว่ามีกองกำลังติดอาวุธให้มีพลัง มีเพาเวอร์ มีหน่วยงานพลเรือนที่อยากมีกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าอาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

กรณีคลังอาวุธ ต้องแยกว่าหน่วยนั้นเป็นหน่วยรบ หรือหน่วยสนับสนุนการรบ ซึ่งระบบมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยมีความแตกต่างกัน ไม่ควรให้อาวุธไปอยู่ในกองรักษาการณ์ ซึ่งควรมีเฉพาะอาวุธเบาเท่านั้น แต่มาตรฐานการรักษาคลังอาวุธอย่างน้อยต้องเพิ่มมาตรการ ยกระดับให้เท่าเทียมกัน เป็นเรื่องเดียวกัน

ปัญหาที่กองทัพเคยประสบมาและน่าจะใช้โอกาสนี้ในการแก้ไขพร้อมๆ กัน คือ การตรวจสอบอาวุธในคลังอาวุธซึ่งมีการรั่วไหล คิดว่าทุกกองทัพภาคมีปัญหานี้เหมือนกัน การตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาระดับกองพัน กองร้อยที่อาจมีอยู่แล้ว ต้องมีความรัดกุมมากขึ้น

การที่บิ๊กแดงร้องไห้ แล้วถูกแปลงคำพูดโดยคนในโลกออนไลน์ให้กลายเป็นมุขตลก ส่วนหนึ่งต้องยอมรับความจริงว่า ปัจจุบันกองทัพกลายเป็นเป้าทางด้านการเมือง โดยเฉพาะบทบาททางการเมือง และโดยบุคลิกของตัวท่านเอง พูดง่ายๆ ต้องทำใจที่จะตกเป็นเป้าสายตา แต่ภาพรวมทั้งหมด เวลาเกิดภาวะโศกนาฏกรรมในสังคมไทย นอกจากวิพากษ์วิจารณ์เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาแล้ว เราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกันต้องมีการติเพื่อก่อ

และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า หน่วยงานราชการชอบที่มีกองกำลังติดอาวุธในมือ แต่มาตรการในการป้องกันไม่ให้รั่วไหลจะทำอย่างไร เพราะขนาดกองทัพยังหลุดได้ แล้วพลเรือนหน่วยอื่นๆ มีมาตรการตรงนี้มากน้อยแค่ไหน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม และการค้าอาวุธสงครามด้วย

การที่บิ๊กแดงประกาศให้ทหารที่เกษียณแล้ว ย้ายออกจากบ้านพัก ประเด็นนี้ หากจะมีการบังคับใช้ ก็ต้องเท่าเทียมกันทั้งหมด จะเลือกปฏิบัติไม่ได้ จริงๆ แล้วสิ่งที่บิ๊กแดงประกาศ รวบยอดอยู่ในคำเดียว คือ การสร้างธรรมาภิบาลในกองทัพ ถ้าจะให้ย้ายออก ก็ต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ระดับสิบโท จ่า โดนไล่ให้ย้ายออก แล้ว
ระดับบนๆ มีการให้ย้ายออกด้วยหรือไม่ หากไม่เท่าเทียม สังคมก็ย่อมตั้งคำถาม ถ้าธรรมาภิบาลของกองทัพยังไม่ชัดเจน จากที่กองทัพเป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว ต่อไปก็จะยิ่งกลายเป็นภาพลบขึ้นไปอีก ถ้าพูดออกมาแล้วก็ต้องทำตามสิ่งที่ประกาศ สังคมไทยอยากเห็นธรรมาภิบาลในกองทัพ

สำหรับในต่างประเทศ ล่าสุด เมื่อปลายปี 2562 ฐานทัพสหรัฐ มีทหารออกมากราดยิงเช่นกัน แต่ลักษณะเด่นของกองทัพสหรัฐ ก็เป็นกรณีศึกษาให้เราได้ คือการดูแลสุขภาพจิตของคนในกองทัพทั้งที่อยู่ในภาวะปกติ และภาวะสงคราม โรคซึมเศร้า และภาวะเครียดนั้น สำหรับคนทั่วไปอาจก่อปัญหาการฆ่าตัวตาย แต่ถ้าเป็นคนในกองทัพ เรื่องส่วนตัวจะส่งผลกระทบต่อสาธารณะ

เท่าที่ทราบการดูแลสุขภาพจิตของกำลังพลในแต่ละประเทศนั้น แม้มีการฝึกหนัก แต่จะมีช่วงบำบัดภาวะความเครียดจากการฝึกด้วย อย่างไรก็ตาม บ้านเรามีปัญหาอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องการฝึก หรือภาวะสงคราม แต่มีประเด็นเศรษฐกิจมาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทหารชั้นประทวนซึ่งได้รับค่าตอบแทนน้อย ภาวะความเครียดของคนกลุ่มนี้จึงไม่ได้มาจากการฝึก แต่เป็นเรื่องรายได้ สำหรับในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทหารพราน และกองกำลังในพื้นที่ กองทัพควรใช้โอกาสนี้ในการดูแลสุขภาพจิตโดยตรวจสอบซ้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนากำลังพลและทำให้การปฏิบัติหน้าที่ได้ผลมากขึ้น

อัษฎางค์ ปาณิกบุตร
นักวิชาการรัฐศาสตร์

เมื่อ ผบ.ทบ.ประกาศจะสะสางกองทัพ ส่วนตัวผมไม่มั่นใจว่าเอาจริงหรือไม่ แต่ผมขอให้เอาตัวเลขรายได้ธุรกิจนอกงบประมาณมาโชว์ให้สังคมได้ตรวจสอบก่อน แล้วบอกด้วยว่าที่ผ่านมาเอาไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ใครเป็นผู้กำกับดูแล เพราะสามารถเริ่มต้นทำได้ง่ายที่สุดและแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการจัดการปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน

แต่ผมเชื่อว่าคงไม่กล้าเอามาให้ดู เพราะเป็นเรื่องเก่าที่หมักหมมมานาน และผมไม่เชื่อว่า ผบ.ทบ.เพิ่งรู้ว่ามีเงินทหารนอกงบประมาณจากธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวโยงกับกองทัพ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องออกมาชี้แจงอะไร

แต่ขอให้เอาเวลาที่เหลือก่อนเกษียณอีกไม่กี่เดือน ไปลงมือปฏิบัติทันที แต่ขอให้ระวัดระวังเจอตอจากพวกเดียวกันเอง หรือบรรดารุ่นพี่บางคน

วันนี้ถ้า ผบ.ทบ.มีเจตนาดีกับกองทัพก็ควรเดินหน้าสะสางทีละเรื่อง ทั้งการซื้อบ้านพักสวัสดิการที่ จ.นครราชสีมา มีเงินทอนจริงหรือไม่

การรับทหารเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหารในค่ายทหารทั่วประเทศมีความโปร่งใสจริงหรือไม่ แล้วควรจะประกาศยกเลิกไม่ให้มีทหารรับใช้ และเลิกเกณฑ์ทหาร แล้วให้ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมัครเข้าไปทำหน้าที่ โดยให้เงินเดือนตามวุฒิการศึกษาหรือสวัสดิการอื่นหลังพ้นประจำการ

เพื่อให้ทหารเข้าไปทำหน้าที่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ให้กองทัพทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยมาตลอด พอเกิดเรื่องก็ออกมาพูดแล้วอาจจะลืม

ดังนั้น ภายใน 7 วัน ถ้าจะทำจริงก็จะได้เห็นรายชื่อกรรมการที่จะเข้าไปตรวจสอบ โดยเฉพาะการเอาเจ้าหน้าที่ไปดูแลธุรกิจสีเทาบางประเภท หากจะเอาจริงผมแนะนำให้ไปสรรหาตัวแทนภาคประชาชน นักวิชาการ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ตรงไปตรงมาไม่บ้าอำนาจเข้าไปร่วมทำหน้าที่ด้วย แล้วให้โฆษกกองทัพออกมาแถลงผลงานปราบโกงให้ต่อเนื่อง

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image