บทนำ : ปฏิรูปกองทัพ
เหตุกราดยิงที่นครราชสีมา มีผู้เสียชีวิต 30 ราย เป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมตื่นตัวและต้องการให้รัฐบาลหาแนวทางป้องกันมิให้เกิดขึ้นอีก ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ได้อภิปรายในญัตติด่วนถอดบทเรียนความรุนแรง จากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8-9 ก.พ. รวม 4 ญัตติ เสนอโดย นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา นายโกศล ปัทมะ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย และนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และคณะร่วมกันเสนอ รวม 4 ญัตติ เพื่อเสนอรัฐบาลเพื่อใช้เป็นแนวทาง ศึกษาหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงซ้ำขึ้นอีก
ในการอภิปราย ส.ส.ตั้งข้อสังเกตถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในค่ายทหาร ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคนร้ายซึ่งเป็นทหารได้นำอาวุธสงคราม พร้อมรถฮัมวี่ออกจากค่ายทหารโดยง่าย ก่อเหตุยิงพลทหารที่รักษาการณ์อยู่ที่คลังอาวุธ แล้วไปก่อเหตุในวัดป่าศรัทธารวม โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารติดตามระงับเหตุ จนกระทั่งบานปลายนำไปสู่การก่อเหตุที่ห้างเทอร์มินอล 21 ซึ่งตั้งอยู่กลางเมือง ห่างจากจุดเริ่มเกิดเหตุ 21 กิโลเมตร สะท้อนว่า การระงับเหตุเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้เกิดความสูญเสียจำนวนมาก ทั้งเสนอให้กองทัพเข้มงวดการรับบุคคลเป็นทหารให้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะบุคคลวิกลจริต เพราะจะเป็นอันตรายกับสังคม หากอาวุธสงครามอยู่ในบุคคลประเภทนี้ และเสนอให้ตรวจสุขภาพจิตตำรวจ ทหาร เพื่อคัดกรองผู้ใช้อาวุธ
ประเด็นที่น่าจะเป็นทางออกของปัญหาในภาพรวม ได้แก่การปฏิรูปกองทัพ ที่ประชุมได้สนับสนุนให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เร่งรัดการปฏิรูปกองทัพ สะสางปัญหาภายในตามที่ได้ให้สัมภาษณ์ อาทิ การเอารัดเอาเปรียบระหว่างทหารชั้นผู้ใหญ่กับชั้นผู้น้อย การจัดเก็บอาวุธ ที่ดินทหาร รวมไปถึงการย้ายค่ายทหารออกไปจากเขตเมือง เพราะลำพังเพียงจัดการปัญหาที่เป็นปลายเหตุ แต่ไม่ได้แก้ที่โครงสร้าง คือการปฏิรูป ก็ยากที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่สังคมคาดหวัง ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป บทบาททหารควรปรับเปลี่ยนไปด้วย ทั้งขนาด คุณภาพ แนวความคิดแบบทหารอาชีพ ความเป็นธรรมในการบังคับบัญชา รวมถึงการไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเป็นทิศทางที่กองทัพในประเทศประชาธิปไตยยึดถือ 
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
