ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
หลังเหตุการณ์ “กราดยิงที่โคราช”
ท่ามกลางการรับรู้ถึงโศกนาฏกรรม ผู้สูญเสีย และฮีโร่
อีกหนึ่งผลลัพธ์ที่ผลิดอกออกผลตามมาอย่างที่หลายคนคาดคิดไม่ถึง ก็คือกระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปทหาร หรืออย่างต่ำก็คือปฏิรูปชีวิตของข้าราชการทหาร
ที่ผ่านมา การดำรงอยู่ของธุรกิจ “สีเทาๆ” ในค่ายทหาร ทั้งที่เกี่ยวพันกับสังคมภายนอกหรือเฉพาะคนใน เรื่อยไปถึงกรณีการใช้ “บ้านหลวง” (ไม่รวมถึงประเด็นใหญ่ๆ เชิงโครงสร้าง อย่างเรื่องงบประมาณกองทัพหรือระบบเกณฑ์ทหาร)
ถือเป็นปัญหา เป็นจุดอ่อน เป็นข้อยกเว้น ที่คนในสังคมรับรู้กันว่า “มีอยู่จริง”
แต่ส่วนใหญ่ (ทั้งคนที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา และคนที่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้จากวงนอก) ก็คล้ายจะจงใจละเลย แสร้งมองไม่เห็น หรือไม่พูดถึง ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
เหตุการณ์สะเทือนขวัญระดับประเทศที่นครราชสีมากลายเป็น “จุดระเบิด” ที่ช่วยเปิดแผลเรื้อรังจุดนี้ขึ้นมา จนปรากฏชัดเจน
ดังนั้น ต่อให้มีหรือไม่มีนักการเมืองฝ่ายค้าน ต่อให้มีหรือไม่มีแคมเปญปฏิรูปกองทัพโดยพรรคอนาคตใหม่ ต่อให้มีหรือไม่มีประชาชนที่ไม่ชอบ/เห็นต่างจากทหาร
สื่อมวลชนและสาธารณชนก็ยังคงจะต้องตั้งคำถามต่อรอยด่างพร้อยดังกล่าวอยู่ดี อันเนื่องมาจากกาลเทศะที่เหมาะสม
วิธีการสะสางปัญหาที่ค่อยๆ เผยตัวออกมา จึงไม่ใช่การหลั่งน้ำตา การแสดงอาการหงุดหงิดใจ หรือการพยายามเปรียบเปรยกระทบกระเทียบใดๆ
แต่ควรเป็นการแสดงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะแก้ปัญหาของตนเอง ด้วยตนเอง (โดยมีแรงบีบ-แรงกดดันจากสาธารณะคอยหนุนเสริม) ให้สำเร็จลุล่วง
เอาเข้าจริง กระแสความคิดเรื่องการ “ปฏิรูปกองทัพ” ที่กำลังเกิดขึ้นนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับภาวะติดๆ ขัดๆ ของ พ.ร.บ.งบประมาณ 2563
ที่ทั้งหมดเป็นปัญหาของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเอง เป็นการเปิดแผลหรือแฉกันเอง และต้องมาแก้ปัญหาด้วยการโหวตใหม่กันเอง (แม้เกือบจะเกิดปัญหาซ้ำอีกรอบก็ตาม)
หลายครั้งหลายหน ความท้าทายที่ผู้กุมอำนาจรัฐต้องเผชิญ จึงไม่ใช่ภัยจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ไม่ใช่การมุ่งทำลายล้างของศัตรูภายนอก
หากเป็นปัญหาที่ปะทุจากข้างใน และการต้องมุ่งระงับปัญหาเหล่านั้นด้วยความรู้ ความสามารถ การตัดสินใจ และความกล้าหาญของรัฐบาลหรือกองทัพเองเป็นหลัก
นี่เป็นภารกิจที่จะพิสูจน์ศักยภาพและความจริงใจของผู้มีอำนาจ (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาโดยมิอาจปฏิเสธ) อย่างยิ่ง
แต่ถ้าสุดท้าย ปัญหาต่างๆ ที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงในที่แจ้งนั้นถูกปล่อยผ่านไป แบบแก้ไขปรับปรุงซ่อมเสริมอะไรไม่ได้เลย
นั่นย่อมเป็นภาวะ “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน” ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาชุดอื่นๆ อีกในอนาคต
ปราปต์ บุนปาน