บิ๊กตู่ไอเดียบรรเจิด รถทางการเกษตรฯ ต้องมีใบขับขี่เฉพาะ เพิ่มรายได้เกษตรกร

‘นายกฯ’ ทดลองขับรถดิจิทัลฯ แนะแยกประเภทใบขับขี่ทางการเกษตร เพิ่มรายได้เกษตรกร ขอทุกคนปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี ย้ำ ทำงานต้องบูรณาการร่วมกัน พร้อมรับมอบเงินบริจาคช่วยเหยื่อเหตุกราดยิงโคราช 12 ล้าน ก่อนบินมอบด้วยตนเองพรุ่งนี้

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ และนายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) พร้อมคณะผู้บริหาร เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมการขับเคลื่อนการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตร “พะเยาโมเดล” เพื่อนำร่องสินค้าข้าวหอมมะลิ ปีการผลิต 2562/2563 โดยนายกฯ ขอให้ต่อยอดโมเดลดังกล่าวไปยังจังหวัดอื่นด้วย

ต่อมา นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมคณะผู้บริหาร เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงนิทรรศการวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น (Digital Startup) ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EdTech) โดยนายกฯ​ ได้ทดลองฝึกขับรถขนาดใหญ่เสมือนจริง โดยการใช้ดิจิทัลคอนเทนต์ให้ผู้ฝึกได้รับการฝึกก่อนจะขับจริง เพื่อแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มสมรรถนะและฝีมือแรงงาน พร้อมกล่าวว่า เรื่องการขับรถที่ใช้ทางการเกษตรก็สำคัญ วันหน้าต้องเป็นอาชีพโดยเฉพาะ ไม่ใช่คนขับรถอะไรก็ได้ อาจจะต้องแยกประเภทการขับรถใช้เพื่อการเกษตรและการขนส่ง พร้อมระบุในใบขับขี่ เพราะจะเป็นการเพิ่มมูลค่ารายได้ให้กับเขาในอนาคตว่ามีความชำนาญในการขับด้านนี้ ค่าจ้างก็จะแพงขึ้น เพราะการขับขี่รถบางประเภทยากกว่า

จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราต้องขับเคลื่อนโลกสมัยใหม่ของเราด้วยวิทยาการก้าวหน้า และดีใจที่ทางด้านเกษตรได้มีโมเดลออกมาทั้งในเรื่องข้าว เรื่องเกษตรดูแลทั้งระบบ และในเรื่องดิจิทัลที่ให้บริการในด้านต่างๆ ที่กระทรวงดีอีเอสได้ทำ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการด้วย เราบอกแล้วว่าจะต้องปฏิรูปการศึกษา ทั้งครูและเด็ก ปฏิรูปการเรียนการสอน และใช้เทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนในเรื่องเหล่านี้ด้วยทั้งหมด รวมถึงการประเมินต่างๆ จะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาหลายอย่างมีความสลับซับซ้อน ไม่ใช่คิดทีเดียวแล้วตอบโจทย์ได้ทั้งหมด รัฐบาลก็เอาเรื่องเหล่านี้มาแก้ ต้องใช้เวลาพอสมควร ทุกอย่างต้องมีความก้าวหน้าตามลำดับ

นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือคนของเราก็ต้องเอาใจใส่ และสนใจในสิ่งใหม่ๆ ที่เรานำมาขับเคลื่อน เราจะได้พัฒนาไปสู่เทคโนโลยีสากล หากเราต้องการอย่างเขาแต่ไม่ปรับตัวแล้วจะได้หรือไม่ ต่อให้รัฐบาลไหนก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่มีความกระตือรือร้นพอที่จะปรับปรุงตัวเอง วันนี้ถึงเวลาที่เราต้องมาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สื่อมวลชนก็ต้องช่วยกัน ขยายสิ่งเหล่านี้ออกไป เพื่อให้คนได้ตื่นตัวและมาทำงานร่วมกัน รัฐมนตรีทำเองคนเดียวไม่ได้ คนที่คิดออกมา แต่ไม่มีใครมาร่วมมือ ไม่มีใครมาใช้ประโยชน์ก็จบหมด แล้วจะคิดมาทำไม เสียเวลามาทำไม ต่างประเทศเขาไปกันไกลมากแล้ว บางประเทศทรัพยากรมีน้อยกว่าเรามาก แต่เขาใช้ดิจิทัลมาขับเคลื่อนประเทศ รัฐบาลเราทำมาทุกอย่าง ใช้เวลาในการเดินหน้ามาหลายปี เพราะต้องใช้ทั้งกฎหมายและกฎระเบียบเยอะแยะ

Advertisement

“เราได้ทำหลายอย่างทั้งของเก่าและอะไรที่ดีอยู่แล้วเราก็ทำต่อ ส่วนใดต้องปรับปรุงก็ปรับปรุงไป ทำงานบูรณาการร่วมกัน ก็จะเกิดผลประโยชน์โดยรวมมากที่สุด ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ทุกรัฐบาลต้องคิดแบบนี้ ฝากพวกเราช่วยติดตามกันด้วย ไม่อย่างนั้นมันไม่เจอกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายเทวัญ ลิปตภัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะผู้บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบเหตุความรุนแรงที่จังหวัดนครราชสีมา จากกระทรวงการคลัง และธนาคารในสังกัด เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อมอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 12 ล้านบาท ให้กับกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับเงินเยียวยาขณะนี้ได้มอบให้จังหวัดนครราชสีมาเพื่อเตรียมมอบให้ผู้ได้รับผลกระทบทั้งที่บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว โดยนายกฯ จะไปมอบเงินเยียวยาด้วยตนเองในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้

ขณะที่ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายกฯ จะเดินทางไปมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาญาติผู้เสียชีวิต จำนวน 27 คน ส่วนเงินเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ กองทุนได้โอนเงินให้กับทางจังหวัดเรียบร้อยแล้ว จำนวน 57 คน แต่ยังเหลืออีก 1 คน ที่เป็นคู่กรณีจะต้องรอสืบสวนสอบสวนก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image