ที่มา | คอลัมน์ที่เห็นและเป็นไป |
---|---|
ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
เผยแพร่ |
บรรยากาศการเมืองเข้าสู่โหมดของ “ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ”
ทำประชามติก็เพื่อให้ “รัฐธรรมนูญ” ที่จะดำเนินการประกาศใช้ต่อไปมีหลักอิงว่า “มาจากประชาชน” คนไทยส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบแล้ว
ซึ่งนั่นเป็นไปตามหลักการ “ประชาธิปไตย”
ให้เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนรับประกันความชอบธรรมของ “รัฐธรรมนูญ” ซึ่งจะเป็นเรื่องดีงามอย่างยิ่งหากการรับประกันนั้นจะไม่ถูกโจมตีว่ามีความพยายามบังคับให้ผลออกมาในทางหนึ่งทางใด ไม่ใช่การออกเสียงโดยอิสระอย่างแท้จริงของประชาชน
ซึ่งการโจมตีนั้นนับวันจะสร้างกระแสให้คนเชื่อได้กว้างขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ การรับประกันของประชาชนที่ท่วมด้วยบรรยากาศของข้อครหานี้ จะทำให้การทำประชามตินี้มีแต่ผลเสียหาย
หากที่สุดแล้ว “ประชามติ” ผลออกมาเป็นไปตามอย่างข้อครหา คือ “ผ่าน”
การยอมรับจะไม่มีทางเกิดขึ้น ความขัดแย้งของคนไทยจะยิ่งรุนแรงขึ้นเสียด้วยซ้ำ จากการที่คนฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าถูกชะตากรรมของตัวเองจะต้องไปตกอยู่ในกติกาของประเทศที่พวกเขารู้สึกว่าไม่ชอบธรรม ความกังขาในที่มาของเสียงส่วนใหญ่จะทำให้เกิดการไม่ยอมรับ และแม้จะใช้อำนาจบังคับให้อยู่ในความสงบ ก็จะใช้ได้ในระดับหนึ่ง
ความเคลื่อนไหวในระดับนานาชาติน่าจะเป็นหนทางที่ทำกันเอิกเกริกขึ้น เพราะชัดเจนว่าคนกลุ่มนี้จะไม่มีความหวังกับหนทางอื่น ความวุ่นวายของประเทศจะไม่จบ
แต่ที่จะแย่ไปกว่านั้น ยังเต็มไปด้วยข้อครหาในการจำกัดสิทธิมากมายเพื่อบังคับผล แล้ว “ประชามติ” เกิด “ไม่ผ่าน” ขึ้นมา ตรงนี้จะเกิดความยุ่งยากมากมาย
การใช้อำนาจโดยใช้กำลังและคำสั่งอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่จะยิ่งกลายเป็นเรื่อง “ตลก” และถูกโจมตีว่า “หมดความชอบธรรม” แรงขึ้น ด้วยเหตุผลที่ทั้งในประเทศและนานาชาติจะเงี่ยหูฟังกันมากขึ้น
“ความเชื่อมั่น” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการประคับประคองความเป็นไปของประเทศจะมีปัญหามากกว่าเก่า
ดังนั้น ในที่สุดแล้ว แม้จะใช้คำสั่งและกำลังบังคับให้เห็นดีเห็นงามหนักหน่วงแค่ไหนก็ตาม ที่สุดแล้วการทำประชามติที่ใช้อำนาจกันอย่างเข้มข้นเช่นนี้ จะไม่ได้อะไรขึ้นมา
หาก “ผ่าน” จะได้รัฐธรรมนูญที่ไม่ได้รับการยอมรับ
หาก “ไม่ผ่าน” จะกระทบต่อผู้ใช้อำนาจ เพราะ “การตัดสินของประชาชน” จะถูกหยิบยกขึ้นมาอ้าง
ดังนั้นเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อให้ “ร่างรัฐธรรมนูญ” และ “ประชามติ” เป็นกลไกที่จะแก้ปัญหาความยุ่งเหยิงของประเทศ สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องเปิดอิสระในการแสดงออก
รีบลบบรรยากาศของการปิดกั้นลง
ลดความหวาดระแวงในความรู้ความเข้าใจ และความสามารถในการตัดสินของประชาชนลง
ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับความไว้วางใจในการตัดสินใจอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
จึงจะพอหักล้างการโจมตีว่า “ไม่ชอบธรรม” ได้บ้าง
ข้อเสนอเช่นนี้มีมาอย่างต่อเนื่อง
เสียดายตรงที่เป็น “ข้อเสนอที่ไม่ถูกใจ” ทำให้เกิดการตีความว่ามาจาก “ความคิดต่อต้าน”
ทั้งที่หากตั้งสติทบทวนให้ดีจะพบว่าเป็น “ข้อเสนอที่มีเจตนาจากความหวังดี”