นายอุทัย พิมพ์ใจชน ก็เป็น “มนุษย์” พันธุ์เดียวกันกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
คือมากด้วย “ความไว”
ไวต่อ “ความละเอียดอ่อน” ในทาง “การเมือง”
แม้ว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะเป็น “ทหาร” แม้ว่า นายอุทัย พิมพ์ใจชน จะเป็น “พลเรือน”
แต่ 2 คนรับรู้ว่า “การเมือง” คือ “ทุกอย่าง”
หากไม่ “ไว” ต่อทุกความเลื่อนไหลในทาง “การเมือง” ยุค 1 คนในกองทัพคงไม่ยกย่องว่าเป็น
“ขงเบ้ง”
และเมื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เข้าสู่สนาม “การเมือง” คงไม่ได้รับมอบหมายให้เป็น
“มือ” ทาง “การเมือง”
และเล่นบทเป็น “กาวใจ” คอยประสานไม่ว่าหลังการเลือกตั้ง 2526 ไม่ว่าหลังเลือกตั้ง 2529
ทำงานสนอง”นาย” ได้ “เรียบโร้ย”
ขณะเดียวกัน นอกเหนือจาก “ความไว” ต่อกลิ่นในทาง “การเมือง”แล้วยังต้องมี “ความกล้า”อย่างเป็นพิเศษ
หากไม่มี “ความกล้า” นายอุทัย พิมพ์ใจชน คงไม่ “ยื่นฟ้อง” ต่อ จอมพลถนอม กิตติขจร
ที่ละเมิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511 ด้วยการทำรัฐประหารเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2514
ฉีก”รัฐธรรมนูญ” ยุบ”พรรคการเมือง”
รู้ทั้งรู้ว่าเมื่อ “รัฐประหาร”สำเร็จเท่ากับความเป็น”รัฐฎาธิปัตย์”อยู่ในกำมือของ จอมพลถนอม กิตติขจร
แต่ นายอุทัย พิมพ์ใจชน ก็ “กล้า”
นี่ย่อมเป็นไปตามที่บทเพลงของ หงา คาราวาน ยืนยัน “คุกขังเขาได้ แต่หัวใจปรารถนา”
การออกโรงของคนอย่าง นายอุทัย พิมพ์ใจชน จึงมี “ความหมาย”
เหมือนกับอาการขยับ ขับเคลื่อน และแสดงความเห็นจากคนอย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
นั่นย่อมสะท้อน “กลิ่น” บางกลิ่นในทาง “การเมือง”
นั่นย่อมสะท้อนว่าได้ปรากฏ “มิติ” และ “เหลี่ยมมุม”ใหม่บางเหลี่ยมมุมในทาง “การเมือง”
เหมือน “ฟ้าแลบ” มาก่อน “ฟ้าร้อง”
“ร่าง”รัฐธรรมนูญฉบับของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นั้นเองที่ทำให้คนอย่าง
นายอุทัย พิมพ์ใจ ชน ขยับ ขับเคลื่อน
เหมือนกับการขยับขับเคลื่อนใน “อดีต”
เป็นการขยับขับเคลื่อนด้วยการยื่นฟ้อง จอมพลถนอม กิตติขจร หลังรัฐประหารเดือนพฤศจิกายน 2514
เป็นการขับขับเคลื่อนด้วยการคัดค้านรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521
อันเป็นผลิตผลของการรัฐประหารเมื่อเดือนตุลาคม 2520 และนำธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2520
มา “ปรับ” และ”สืบทอด”
ถามว่าชะตากรรมของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ หลังรัฐประหารเมื่อเดือนตุลาคม 2520 เป็นอย่างไร
ถามว่าชะตากรรมของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร หลังรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภา พันธ์ 2534 เป็นอย่างไร
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็น “บทเรียน”
เป็นบทเรียนอันไม่เพียงแต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะเคยเตือนก่อนหน้านี้
หากแต่ นายอุทัย พิมพ์ใจชน ยังนำมาตอกย้ำ
เมื่อปรากฎ”ร่าง”รัฐธรรมนูญ”ฉบับใส่หมวก”
