สถานีคิดเลขที่ 12 : สังคมคนหัวอ่อน : สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

คนที่เชื่อในหลักประชาธิปไตย ย่อมให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของประชาชน และเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งตรงกันข้ามกับแนวคิดแบบเผด็จการ ที่ประชาชนทุกคนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งกฎกติกาและการตัดสินใจของผู้มีอำนาจเป็นสำคัญ

อย่างเช่น การก่อเกิดของพรรคการเมือง ถ้าเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด
ก็จะเป็นพรรคที่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยมากที่สุด

ขณะเดียวกัน พรรคการเมืองจะเติบโต หรือถดถอย จะดำรงความเป็นพรรคได้ หรือควรจะจบสิ้นความเป็นพรรคการเมืองนั้น

ก็ควรจะให้ประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสิน จึงจะสอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย

Advertisement

ประชาชนสามารถตัดสินชะตากรรมของพรรคการเมืองต่างๆ ได้ไม่ยาก สำคัญสุดก็คือในทุกการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ใครจะได้ ส.ส.มากหรือน้อย หรือไม่ได้เลย

นั่นคือการตัดสินชะตากรรมของพรรคการเมือง โดยเสียงของประชาชน

แต่แน่นอนว่า ในทุกสังคมประชาธิปไตย ต้องมีกฎกติกา มีกรอบระเบียบให้ทุกคนต้องปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่กันอย่างยุ่งเหยิงวุ่นวาย

Advertisement

อย่างเช่น เมื่อกระบวนการศาลยุติธรรมตัดสินคดีความต่างๆ โดยคดีถึงที่สุด ทุกคนก็ต้องเคารพคำตัดสินนั้นและปฏิบัติตาม

เป็นกติกาที่เข้าใจกันได้และต้องยอมรับ

เพียงแต่เมื่อเราเป็นสังคมที่ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย ส่งเสริมประชาชนที่สามารถมีส่วนร่วมการผลักดันความก้าวหน้า จึงต้องเป็นสังคมที่เปิดกว้าง ให้เสรีภาพประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์

แล้วสังคมใดที่ประชาชนกระตือรือร้น มองทุกปัญหาด้วยการใช้สติปัญญาความคิดกล้าพูดกล้าแสดงความเห็น สังคมนั้นจะเต็มไปด้วยประชากรที่มีคุณภาพ

คุณภาพของประชาชนจะยิ่งยกระดับการเมือง ยกระดับประชาธิปไตย

ที่บอกว่าจะขจัดนักการเมืองซื้อเสียง ทุจริตโกงกิน วิธีแก้ที่ดีที่สุด คือให้ประชาชนร่วมเรียนรู้และยกระดับคุณภาพ จนในที่สุดการซื้อเสียงก็จะไม่มีความหมาย เพราะประชาชนตัดสินใจด้วยแนวทางนโยบายของพรรคการเมืองมากกว่า

หลายประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางการเมือง ก็ใช้การเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้ประชาชนยกระดับความคิดขึ้นเรื่อยๆ จนประชาธิปไตยพัฒนาอย่างยั่งยืน

วิถีทางที่ถูกต้องมองเห็นกันอยู่ แต่ในทางปฏิบัติสำหรับสังคมไทยเรา ยังไม่เป็นจริงสักเท่าไร

ชอบอ้างกันนักว่า ประเทศเรายังไม่พร้อม ประชาชนยังไม่พร้อม ยังต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไปก่อน

ข้ออ้างเหล่านี้ แท้จริงแล้ว คือเพื่อให้ประชาชนไทยไม่พร้อมวันยังค่ำ กลายเป็นสังคมที่ไร้คุณภาพ

สังคมที่ผู้คนว่านอนสอนง่าย ก้มหน้าเชื่อฟังคำสั่งคำตัดสินต่างๆ เป็นโอกาสของ
ผู้ปกครองเผด็จการที่ดีที่สุด

แต่พัฒนาการด้านเสรีภาพประชาธิปไตยของสังคมไทย ที่เติบโตอย่างมากในยุคประชาธิปไตยเบ่งบานจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมา

แม้จะมีกระบวนการทำให้ประชาธิปไตยล้มคว่ำเป็นระยะๆ เพื่อทำให้สังคมไทยเต็มไปด้วยคนหัวอ่อนนั้น

เอาเข้าจริงๆ ก็หยุดยั้งผู้คนที่เติบโตทางความคิดไม่ได้

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันนี้ ก็ยังมีคนคุณภาพที่พร้อมจะแสดงความคิดเห็นต่างๆ พร้อมจะแสดงออกในทางการเมืองอยู่อย่างมากมาย

เพื่อยืนยันความเป็นสังคมประชาธิปไตย โดยไม่ถึงขั้นปฏิเสธกฎกติกาไปเสียทั้งหมด

แต่ความไม่ถูกต้องในทางการเมืองที่กำลังเริ่มร้อนแรงมากขึ้น

ต้องมีการส่งเสียงแสดงความเห็นและบอกความต้องการของประชาชนคนส่วนใหญ่

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image