รุมซัด”อลงกรณ์”เดินสายคุยหวังหาเสียง วันชัย ซัด“หมอหยองทางการเมือง”

สปท.รุมอัด “อลงกรณ์” เดินสายพบปะพรรคการเมือง หวังหาเสียงสร้างพรรคในอนาคต “เสรี” จวกยับ จนงานแจงทูตล่ม แฉ ของบกว่า 1 ล้าน สร้างเครือข่าย ด้าน “วันชัย” ซัด “ทินพันธุ์” รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก จนเกิด “หมอหยองทางการเมือง” สร้างภาพเป็นเทพปฏิรูป

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 กรกฎาคม มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) โดยมีร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.ทำหน้าที่ประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก สมาชิกสปท. ได้ลุกขึ้นสอบถามว่า การไปพบพรรคการเมืองทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยของนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท.คนที่ 1 ไม่ทราบว่าเป็นมติของที่ประชุมสปท.หรือกระทำเพื่อผลประโยชน์ เพื่อวัตถุประสงค์ใด และเป็นอำนาจหน้าที่ของสปท.หรือไม่ เพราะสิ่งที่สปท.ได้ทำไปก็ปรากฏตามสื่ออยู่แล้ว แต่ในขณะที่พรรคการเมืองไม่สามารถจัดกิจกรรมทางการเมืองได้ จึงไม่ทราบว่าการไปพบกันเช่นนี้จะมีประโยชน์อย่างไร ประเทศต้องมีความศรัทธาและระเบียบวินัยเพื่อไม่ให้สังคมล่มสลาย และต้องมีธรรมาภิบาล มีความจริงใจในการปฏิบัติงาน

จากนั้น นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสปท. ลุกขึ้นอภิปรายว่า ระยะเวลาที่เหลือของสปท.เป็นห่วงเรื่องการทำงานว่า จะทำอย่างไรให้การขับเคลื่อนมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจและเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงประเทศสำเร็จ การทำงานของสปท.เป็นเรื่องใหญ่ เป็นที่ถูกจับตามองว่าสปท.ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แล้วหรือไม่ ตนได้รับหนังสือให้เข้าร่วมบรรยายให้ทูตานุทูตฟังในครั้งที่ 3 ซึ่งการที่จะให้สปท.ชี้แจงกับทูตานุทูตกับประเทศต่าง ๆเข้าใจว่า เป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้ทูตานุทูตได้ทราบว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจกับการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการพบกันครั้งแรกไมได้ติดขัดเท่าไหร่ เพราะเชื่อว่าจะได้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศ เพื่อช่วยกันประคับประคองให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ แต่การเชิญทูตานุทูตครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยผู้บรรยายคือ รองประธานสปท.คนที่ 1 จึงมีข้อสังเกตว่า การจัดครั้งนี้มีการหารือกับประธานสปท.หรือไม่ และการเชิญมาเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อการปฏิรูปหรือไม่ ตนมองทำให้เสียเวลา ทำให้ทูตเบื่อหน่าย ไม่เห็นความสำคัญของเราเนื่องจากจัดถี่เกินไป

นายเสรี กล่าวว่า นายอลงกรณ์จัดเวทีบรรยายเรื่องการจัดทำประชามติ กลไกการขับเคลื่อนที่ไม่เกิดประโยชน์กับกรรมาธิการของสปท. ซึ่งหน้าที่การบรรยายเป็นเรื่องรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบติดต่อประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อทำความเข้าใจกับทูตานุทูต ส่วนสปท.เป็นเพียงแต่สนับสนุนและไปร่วมกับรัฐบาล แต่ไม่ใช่มาจัดเองแบบนี้ ตนรู้สึกเกรงใจทูตานุทูต เพราะแม้แต่รัฐบาลเขาก็ระมัดระวังอย่างมากไม่จัดพร่ำเพื่อ ดังนั้นถ้าหยุดได้เลิกได้ก็ให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งว่าอย่าจัดงานเลยในบ่ายวันนี้

Advertisement

นายเสรี ยังได้กล่าวถึงข้อบังคับการประชุมในการตั้งกรรมาธิการประสานงานทั้ง 3 ฝ่ายและประสานงานระหว่าง สปท.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ว่า สปท.ได้ตั้งคณะกรรมการเครือข่ายการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยไม่เห็นว่ามีความจำเป็นในเรื่องที่เกี่ยวกับการประสานงาน และไม่ได้ช่วยเหลือสปท. แต่ตั้งมาเพื่อสร้างเครือข่าย จึงถามว่าตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร ขึ้นมาเพื่อสร้างพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะมีการของบประมาณ 1,342,800 บาท ซึ่งแต่ละครั้งจะเอาไปใช้จ่ายอื่น ๆเช่น แจกกระเป๋าเอกสาร แต่น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธานสปท.คนที่ 2 ก็ไม่อนุมัติ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราทำไม่ได้แตกต่างจากพรรคการเมืองที่พยายามสร้างเครือข่าย จัดเลี้ยง แจกของ นี่คือการซื้อเสียงล่วงหน้า ที่สปท.พึงทำหรือไม่ ทั้งที่คสช.มีประกาศห้ามชุมนุมทางการเมือง ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมใด ๆ เมื่อเราห้ามพรรคการเมืองแล้ว แต่เราจัดกระบวนการทางการเมืองเสียเอง หรือจะตั้งพรรคการเมืองในอนาคตหรือไม่

“ผมไม่แน่ใจ คสช.ออกประกาศหลายฉบับเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองสร้างความวุ่นวาย และยังห้ามประชาชนชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน เพราะเราต้องการให้พรรคการเมือช่วยกันประคับประคองให้บ้านเมืองเดินไปได้อย่างสงบสุข แต่โครงการเครือข่ายที่จัดทำกลับกลายเป็นว่าเราห้ามพรรคการเมืองข้างนอก แต่เราก็มาสร้างพรรคการเมืองในสปท. แล้วจะไปตอบพรรคการเมืองได้อย่างไร การไปพบหัวหน้าพรรคการเมืองต่าง ๆ ตอนแรกผมเข้าใจว่าประธานทำหนังสือไป แต่ประธานไม่ได้เป็นผู้นำหนังสือไป ทำให้คนข้างนอกเข้าใจผิด มาทราบภายหลังว่าประธานไม่ได้เป็นคนทำหนังสือ แต่คนที่ทำหนังสือไปในนามประธานคือ รองประธานสปท.คนที่ 1 ผมแปลกใจ บางเรื่องประธานก็ไม่ทราบ บางเรื่องเห็นชอบภายหลัง ผมเห็นประธานมาทำงานตั้งแต่หกโมงเช้าทุกวัน ทำไมไม่เห็นประธานเซ็นต์ชื่อในหนังสือดังกล่าว” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวต่อว่า การไปพบหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งสองพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสปท.เพราะเขาติติงสปท.ว่าทำงานแล้วไม่ปฏิรูป และสิ่งที่เป็นปัญหาคือ พรรคการเมืองเหล่านั้นใช้โอกาสฝากไปถึงรัฐบาลและคสช. พร้อมติติงว่ากล่าวรัฐบาลในหลาย ๆ เรื่อง อีกทั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม จะพบพรรคการเมือง 70 พรรค คสช.คงเกรงใจประธานสปท.คิดว่าสิ่งที่ทำเป็นการปฏิรูปประเทศ เนื่องจากมีชื่อประธานนำหน้า จึงไม่ได้พูดห้ามปราม แต่สิ่งที่ทำผิดกฎหมายและขัดคำสั่งคสช. ดังนั้นเพื่อไม่ให้การทำงานของสปท.เกิดผลกระและความเสียหาย ขอให้ประธานระมัดระวังอย่าให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก และอย่าให้ไปดำเนินการเกี่ยวกับทางการเมืองอีก ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการด้านการเมือง ได้คิดไว้หมดแล้วเรื่องการพบพรรคการเมือง แต่เราระมัดระวัง เพราะถ้าทำอย่างนี้จะเป็นตัวอย่างไม่ดี เป็นตัวอย่างให้พรรคการเมืองดูถูกดูแคลนได้ว่าเราห้ามคนอื่นแต่มาทำเสียเอง ดังนั้นเราจึงไม่ได้จัดเรื่องเหล่านี้ ด้วยความเป็นห่วงว่า จะไม่ให้เกิดปัญหากับสปท.และคสช.และรัฐบาล

Advertisement

ร.อ.ทินพันธ์ ได้ชี้แจงว่า ขอบคุณท่านทั้งสองที่กรุณาที่หยิบยกปัญหาเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งเป็นปัญหาภายใน ตนรับจะแก้ไขปัญหาภายในของเรา ในการพบทูตต่างประเทศวันนี้ขอตัดสินใจงด และการตัดสินใจมีข้อดีข้อเสียทั้งสิ้น แต่ประเมินแล้วขอสั่งงด และการพบปะพรรคการเมืองครั้งต่อไปของดเช่นกัน ส่วนเรื่องที่ของบประมาณ ตนเคยสั่งงดการสัมมนาที่ชะอำมาครั้งหนึ่งแล้ว

ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสปท. อภิปรายว่า การดำเนินการใด ๆไม่ว่าจะเป็นรองสปท.ตนใด หรือเครือข่ายขับเคลื่อนการไปพบนักการเมืองถือเป็นการกระทำของประธานสปท. ท่านจะรู้หรือไม่รู้ แต่เป็นไปโดยนิตินัย เป็นความรับผิดชอบโดยตรงมีส่วนรู้หรือเห็นเป็นใจยินยอมการะทำทั้งสิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นท่านจะปฏิเสธใด ๆ ไม่ได้ ตนขอถามว่าการสร้างเครือข่ายนี้มาขับเคลื่อนอะไร ครูบาอาจารย์มาบอกตนว่า เป็นการมาเปิดงานพอเป็นพิธี แล้วคุยว่าประเสริฐศรีขยายเครือข่ายประเทศ ซึ่งเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น เพราะในโลกของความเป็นจริงเขามองเป็นเรื่องขำ ไม่จริงจัง แต่ในทางการเมืองก็ทำได้ เครือข่ายนี้ไม่ต่างอะไรกับศูนย์ปราบโกง แต่ศูนย์ปราบโกงที่เป็นอีเว้นทางการเมืองปกติ ไม่ได้มีอะไรเป็นแก่นสารยังใช้เงินส่วนตัว แต่เครือข่ายนี้ใช้เงินหลวง เขาจับมือประธานเซ็นเอ็มโอยู ท่านรู้หรือไม่รู้ แต่ทุกทีทำในนามประธาน หรือท่านรู้ว่าเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก หรือไมรู้แล้วโดนหลอก ตนไม่แน่ใจ

“การออกไปพบปะพรรคการเมือง หากบอกไม่ได้คุยเรื่องการเมือง คุยแต่เรื่องปฏิรูป อมโบสถ์รวมทั้งศาลาการเปรียญมาใครจะเชื่อ ดังนั้นการจะประชุมพรรคการเมืองต้องให้สปท.เชิญไป อะไรหมิ่นเหม่ สปท.ก็ไม่ควรทำ การกระทำบางเรื่องเหมาะกับการเมือง แต่ยุคนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย มีบางคน บางกลุ่ม บางพวก ใช้ตำแหน่งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง แต่ผลกระทบเกิดกับประธานโดยตรง ตอนนี้เรามีเวลาไม่เกิน 6 เดือน ท่านประธานน่าจะทบทวนบทบาทหน้าที่องคาพยพที่รับผิดชอบ อย่าปล่อยให้เกิดหมอหยองทางการเมือง สร้างภาพไปวันๆว่า เป็นเทพ และทำให้คนทั้งหมดเห็นว่า เป็นเทพทางการเมือง สปท.น่าจะยืนอยู่บนตัวจริง เสียงจริง ของจริง ถ้าเกิดเหตุการณ์เน้นกิจกรรมทางการเมือง สร้างภาพมายาทางการเมือง ก็เสียฟอร์มท่านประธานทินพันธุ์” นายวันชัย

ทำให้ ร.อ.ทินพันธุ์ ถึงกับกล่าวขอบคุณว่า ขอบคุณนายวันชัยที่ให้พร แนะนำและมาสอน เมื่อเราทำงานเพื่อส่วนรวม ทุกนาทีก็ต้องทำเพื่อส่วนรวม ตนต้องประคองสปท.ทั้งหมดให้ถึงฝั่งให้ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image