ยุบพรรค‘อนค.’ ตัดสิทธิกก.บห.10ปี เขย่ายุทธการ‘อรุณรุ่ง’

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีที่ กกต. เสนอให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากกู้เงินจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จำนวน 191 ล้านบาท ขัดต่อกฎหมาย
เงินกู้จำนวนดังกล่าว พรรคอนาคตใหม่ได้กู้จากนายธนาธรครั้งแรกจำนวน 161 ล้านบาท ดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
เป็นการกู้เมื่อปี 2562
ต่อมาพรรคอนาคตใหม่ได้ชำระเงิน 3 ครั้ง ครั้งแรกชำระเงิน 14 ล้านบาท ครั้งที่สอง 8 ล้านบาท ครั้งที่สาม 50 ล้านบาท
ต่อมามีการกู้เงินอีก 30 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
รวมเป็นยอดเงินกู้ 191 ล้านบาท

จากรายงานข่าวประเด็นการยุบพรรค ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้ว เห็นว่าตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ต้องมีมาตรการควบคุมการบริหารเพื่อให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันของประชาชน    จึงต้องพิจารณาเรื่องที่มาของทรัพย์สินที่ใช้ในพรรคการเมืองว่ามีที่มาอย่างไร ได้มาโดยไม่ชอบหรือไม่ กม.จึงกำหนดไม่ให้พรรคการเมืองไปเกี่ยวข้องกับเงินบริจาคที่มิชอบ
กรณีพรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินได้หรือไม่ เห็นว่าการดำเนินกิจกรรม ต้องอาศัยเงินรายได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เงินส่วนใดที่นำมาทำกิจกรรม หากได้มาโดยมิชอบ ไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด     แม้ไม่ได้กำหนดให้กู้ยืม แต่ก็ไม่ได้รับรองให้ทำได้
เงินกู้แม้ไม่ใช่รายได้ แต่ก็เป็นรายรับ จึงต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น การกู้ยืมเงินของพรรคการเมืองต้องสอดคล้องกับกฎหมาย
เมื่อพิจารณาตามกฎหมายพรรคการเมือง คำว่า “บริจาค” หมายความรวมถึงการให้ประโยชน์อื่นใด
การให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมือง เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์
การให้กู้โดยไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า ย่อมถือว่าเป็นประโยชน์อื่นใดต่อพรรคการเมือง จึงต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ด้วยเหตุนี้ คำว่า “บริจาค” และ “ประโยชน์อื่นใด” เป็นความหมายเฉพาะในกฎหมาย เพื่อกำหนดให้พรรคการเมืองทำรายได้ให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นประชาธิปไตยในพรรค มิให้พรรคเป็นเครื่องมือของใคร
จากข้อเท็จจริงพบว่า พรรคอนาคตใหม่มีรายได้กว่า 71 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายกว่า 72 ล้าน ค่าใช้จ่ายสูงรายได้เพียงล้านบาท แต่กลับทำสัญญากู้ยืมเงิน 2 ฉบับ ถึง 192 ล้าน ทำดอกเบี้ยไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า
การกู้ยืมเงินของผู้ถูกร้องเป็นการรับบริจาคเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำความผิด ตาม ม.72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560
วินิจฉัยให้ยุบพรรคการเมือง และตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี และห้ามมิให้ กก.บห.ไปจดพรรคขึ้นใหม่ หรือมีส่วนร่วมตั้งพรรคใหม่ 10 ปี

คําวินิจฉัยดังกล่าวเบื้องต้นกระทบต่อพรรคอนาคตใหม่โดยตรง ขณะที่พรรคฝ่ายค้านซึ่งพรรคอนาคตใหม่เป็นกำลังสำคัญก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
ทั้งนี้เพราะเมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ทำให้อนาคตของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ที่ต้องหาพรรคอื่นสังกัดจะตัดสินใจเช่นไร
อาจจะมีบางส่วนไปสังกัดพรรคฝ่ายค้าน หรืออาจจะมีบางส่วนไปสังกัดพรรคฝ่ายรัฐบาล
แม้จะไปสังกัดพรรคฝ่ายรัฐบาลได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็ทำให้จำนวน ส.ส.พรรคฝ่ายค้านลดน้อยถอยลง
ตรวจสอบจำนวน ส.ส. พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พบว่าพรรคฝ่ายรัฐบาลมี ส.ส. 264 คน
ประกอบด้วยพรรคพลังประชารัฐ 118 คน พรรคประชาธิปัตย์ 52 คน พรรคภูมิใจไทย 52 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 11 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 คน พรรคท้องถิ่นไท 5 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน พรรคเล็ก 11 พรรค อีก 11 คน และพรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 คน
ส่วนพรรคฝ่ายค้าน มี 234 คน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 135 คน พรรคอนาคตใหม่ 75 คน พรรคเสรีรวมไทย 10 คน พรรคประชาชาติ 7 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน
รวม ส.ส.ในสภา 498 คน โดยพรรคร่วมรัฐบาลมีจำนวน ส.ส.มากกว่าพรรคฝ่ายค้าน 30 เสียง
แต่เมื่อยุบพรรคอนาคตใหม่แล้ว จำนวน ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านและพรรคฝ่ายรัฐบาลอาจจะเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ การยุบพรรคครั้งนี้ถือเป็นการยุบพรรคฝ่ายค้านก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์
แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นหัวหน้าทีม และพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มี ส.ส.จำนวนมากที่สุด
แต่ในด้านเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดูเหมือนว่าสังคมจะจับตาดูข้อมูลของพรรคอนาคตใหม่
โดยเฉพาะข้อมูลจากแกนนำของพรรค อาทิ ข้อมูลของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยังเปิดโปรเจ็กต์ “พินอคคิโอ” จับโกหก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 3 คน
แต่เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบลง และกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ
ย่อมกระทบต่อยุทธการ “อรุณรุ่ง” ของฝ่ายค้าน

Advertisement

สําหรับการเมืองนับตั้งแต่วันที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ จะเป็นอีกก้าวย่างที่ต้องจับตามอง เพราะทุกๆ ความเคลื่อนไหวล้วนมีผลกระทบต่อฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
และกระทบต่อรัฐบาล ซึ่งการโยกย้ายพรรค จะทำให้สัดส่วน ส.ส. เกิดการเปลี่ยนแปลง
สัดส่วน ส.ส.นี้เป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดโควต้าตำแหน่งทางการเมือง
เมื่อรัฐบาลขับเคลื่อนมาได้ระยะหนึ่ง เมื่อสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลง
โอกาสที่รัฐบาลจะเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ย่อมมี
ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ ทำให้แฟนคลับอนาคตใหม่ไม่สบายใจ
ทุกอย่างจึงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวนอกสภา
แต่ละจังหวะก้าวทางการเมืองหลังจากนี้จึงต้องจับตามอง
เพราะอะไรๆ ก็พร้อมจะเกิดขึ้นได้

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image