ธนาธร ขึ้นเวทีปราศรัย เล่าถึงลูกสาว 9 ขวบ เขียน จ.ม.ถึงยูเอ็น บอกพ่อกำลังถูกละเมิดสิทธิ

‘ธนาธร’ ไม่ขอหยุดเดินทาง ประกาศลั่น เลือกตั้งครั้งหน้าจะกลับมาอีก เตือน ‘คนยุบพรรค’ จากนี้เจอศึกหนักกว่าเดิม

จากกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ในคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ทำให้กรรมการบริหารพรรค 16 คน อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค เป็นต้น ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี

วันนี้ (21 ก.พ.) เวลา 21.50 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขึ้นกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า เหตุที่เราต้องมายืนอยู่ที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องตน ของนายปิยบุตร หรือของพรรคอนาคตใหม่ แต่เราเป็นเรื่องของอนาคตประเทศไทย อนาคตของลูกหลานของเรา ช่วงเริ่มต้นตนอยากเล่าเรื่องส่วนตัวว่า ในสมัยเด็กๆ ตนฟังเพลงคาราบาว ที่เสียดสีสังคม พูดถึงความยากจนของคนชั้นล่าง ความเหลื่อมล้ำ ความอยุติธรรมในประเทศ ตนเติบโตมากับความไม่เข้าใจว่าประเทศนี้ เหตุใดสังคมนี้ถึงปล่อยให้มีคนมีอันจะกินอย่างตน ในขณะที่คนอีกหลายล้านคนทั่วประเทศต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนชีวิตตามยถากรรม ตนสงสัยว่าสังคมไทยจะดีกว่านี้ไม่ได้หรือ คนจะเท่าเทียมกันไม่ได้หรือ เราเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน เรามีสิทธิและเสรีภาพ แต่ทำไม่ต้องปล่อยให้คนอีกหลายล้านคนต้องใช้ชีวิตอยู่กับความทุกข์ยาก นี่คือคำถามที่อยู่ในใจตนมาตั้งแต่เด็ก

“ผมแสวงหาคำตอบว่าสังคมถึงเหลื่อมล้ำอย่างนี้ ใช้เวลาเดินทางหลายสิบปีกว่าจะเข้าใจว่า เป็นเพราะประชาชนไม่มีอำนาจ และความจนไม่ใช่เรื่องของบุญกรรม แต่หากไม่แก้ไขโครงสร้างอำนาจทางสังคม ชาติหน้าก็จะจนอย่างเดิม ก่อนที่จะพูดเรื่องประชาธิปไตย นิติรัฐนิติธรรม สิทธิมนุษยชน มันเป็นเรื่องของความเป็นมนุษย์ ที่คนคนหนึ่งเห็นอกเห็นใจกับคนที่กระเสือกกระสน ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ตื่นมาแล้วบอกว่าต้องการแก้รัฐธรรมนูญ จากการเดินทางของเราทำให้เห็นแล้วว่า ต่อให้มีจิตอาสาอีกกี่คนในประเทศนี้ หรือมีพี่ตูนวิ่งอีกกี่กิโลเมตร สังคมไทยก็ดีขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่จัดการปัญหาทางโครงสร้างทางสังคม ดังนั้นจึงนำมาสู่การตั้งพรรคอนาคตใหม่ เพราะเราถามตัวเองว่า เราจะปล่อยสังคมไทยไปอย่างนี้อีกหรือ เราที่มีทรัพยากรที่มากกว่าคนอื่น ที่เกิดเติบโตมาในครอบครัวที่ดีกว่าคนอื่น อย่าลืมว่าเราเลือกเกิดไม่ได้ คุณเลือกเกิดเป็นผมไม่ได้ และผมก็เลือกเกิดเป็นคุณไม่ได้ แต่เราเลือกให้เกิดความเท่าเทียมได้” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าว

Advertisement

และว่า ดังนั้นเมื่อตั้งพรรคขึ้นมา จึงต้องมีการแก้ไขปัญหาโครงสร้างอำนาจทางสังคม เพื่อให้ประชาชนมีตัวแทนของพวกเขาอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ประชาชนมีอำนาจในการกำหนดชีวิตความเป็นอยู่ กำหนดอนาคตของเขาบ้าง แต่มุมกลับของการทำเช่นนี้ คือ การไปลดอำนาจของอภิสิทธิ์ชนในสังคมนี้ พวกเขาเหล่านี้มีอำนาจมากมายและแทกติกแพรวพราวที่จะทำลายพรรคการเมืองของประชาชน ที่จะทำให้ประชาชนไม่มีสิทธิไม่มีเสียงในประเทศนี้ ต้องบอกตรงไปตรงมาว่าโครงสร้างแบบนี้ไม่ทำให้สังคมไทยเข้มแข็ง หรือแข่งขันกับโลกภายนอกได้ ประเทศไทยจะเข้มแข็งได้

นายธนาธรกล่าวว่า ดังนั้นจึงไม่ใช่เวลาจะมาร้องไห้ หรือเสียใจ แต่ต้องบอกเขาว่าเราเข้มแข็งกว่านั้น บอกเขาว่าแค่นี้ทำอะไรเราไม่ได้ บอกเขาว่าพรุ่งนี้เราจะลุกยืนขึ้นและเดินต่อไป ไม่จบแค่นี้ เพราะนี่ไม่ใช่หน้าสุดท้ายของหนังสือ นี่เป็นเพียงหน้าสุดท้ายของบทที่ 1 วันพรุ่งนี้คือบทที่ 2 และบอกพวกเขาว่าพวกเราคนเหมือนกัน เรามีค่า มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีเสียงเหมือนกัน และเราจะยืนยันและบอกกับอภิสิทธิ์ชนว่า สังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลง สังคมไทยต้องไปข้างหน้า คุณหยุดยั้งกาลเวลาไม่ได้ คุณทำให้วันพรุ่งนี้ทุกวันเป็นเมื่อวานไม่ได้ ดังนั้นตนขอให้ทุกคนช่วยสนับสนุน ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ เหมือนที่ท่านเคยสนับสนุนตนมาด้วย ใครที่ไม่ได้ย้ายไปพรรคใหม่ ท่านไม่ต้องไปเชื่อใจเขา ให้สาปแช่งเขา ที่ทรยศความตั้งใจของประชาชน ทั้งนี้ขอฝากบอก ส.ส.ที่จะย้ายไปทำงานกันต่อด้วยว่า สีของพรรคใหม่ จะใช้สีอะไรก็ได้ แต่อย่าใช้ศรีนวล

“วันนี้ผมได้ประกาศจัดตั้งคณะอนาคตใหม่ขึ้นมา ที่จะรณรงค์ทางการเมืองในวาระที่ก้าวหน้า ที่เป็นประโยชน์ของประชาชน ที่เป็นเรื่องจริงของสังคมไทยแต่ไม่มีใครกล้าพูด ดังนั้นผู้ที่ยุบพรรคเราไป เขาจะผิดหวัง และคราวนี้เขาจะเจอศึกหนักกว่าเดิม ในสภาก็มี ส.ส.ที่มีอุดมการณ์แบบเดิม และนอกสภาก็มีคณะอนาคตใหม่ ที่รณรงค์ทุกจังหวัด เพื่อเอาชนะหัวใจของประชาชน และทำให้ประชาชนเชื่อว่า ประเทศไทยย้อนเวลากลับไปไม่ได้มีแต่การก้าวเป็นประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะเป็นทางออกของประเทศ และถ้าเรากลับไปปักธงความคิดนี้ได้เมื่อไหร่ เลือกตั้งครั้งหน้าเสียงจะมาเอง การเดินทางยังไม่จบ ผมขอให้ทุกคนร่วมเดินทางกับเราไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ยอมแพ้ไปด้วยกัน” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ นายธนาธรยังกล่าวถึงลูกสาวของตนเอง อายุ 9 ขวบ ว่า ลูกสาวได้เขียนจดหมายไปยังสหประชาชาติให้มาช่วยเหลือตน ว่าไม่ได้รับการปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนในการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เพราะพรรคอนาคตใหม่กำลังจะถูกยุบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ตนร้องไห้ มันเป็นเรื่องที่เลวร้าย แล้ววันนี้เราจะอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image