‘ยุทธพงศ์’ เปิดเกม แทงพรุนปมที่ดินพ่อบิ๊กตู่ พ่วงบริหารประเทศเอื้อประโยชน์ ‘เจ้าสัว’

 

‘ยุทธพงศ์’ เปิดเกม แทงพรุนปมที่ดินพ่อบิ๊กตู่ พ่วงบริหารประเทศเอื้อประโยชน์ ‘เจ้าสัว’ เผย ประชาชนอยากให้ลาออกพ้นนายกฯ

 

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฏร เวลา 14.40 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขอกล่าวหาว่านายกฯ คนนี้ร่ำรวยผิดปกติ ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม บังคับใช้กฎหมายโดยเอื้อ ปฏิบัติทำให้รัฐเสียหายอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มีการใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ตนเอง บริวาร พวกพ้อง ขาดคุณธรรม ความซื่อสัตย์ เสียสละ ไม่อาจไว้วางใจให้บริหารประเทศได้อีกต่อไป ที่ตนบอกว่า คุณประยุทธ์ร่ำรวยผิดปกติตั้งแต่ 24 ส.ค.57 – 9 มิ.ย.62 โดยมีอภินิหารทางกฎหมาย ไม่ต้องให้ยื่นบัญชีทรัพย์สินใหม่ตามกฎหมาย ป.ป.ช. ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.57 ที่คุณประยุทธ์แจ้งบัญชีทรัพย์และหนี้สิน ไม่สัมพันธ์กับทรัพย์สินที่เป็นรายรับ โดยรายรับทั้งชีวิต ผบ.ทบ.มีทรัพย์สินประมาณ 128 ล้านบาท แต่มีรายจ่ายประมาณ 466 ล้านบาท ถือเป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย เป็นเงินที่ฟอกมาหรือได้มาด้วยความผิดปกติหรือไม่ เพราะไม่สัมพันธ์กัน ผิดปกติวิสัย ในบัญชีรายจ่ายที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เช่น ค่าอุปการะเลี้ยงดูมารดาบิดา สร้างบ้าน 5.4 ล้านบาท คืนเงินจากกองกลางให้พ่อและน้อง 267 ล้านบาท ให้ลูก 198 ล้านบาท เป็นต้น ตนสงสัยว่าประยุทธ์ไปเอาเงินมาจากไหนมากมายโดยเฉพาะรายจ่ายดังกล่าว

นายยุทธพงศ์ อภิปรายต่อว่า บิดาคุณประยุทธ์ที่ขายที่ดิน 50 ไร่ 3 งาน 8 ตร.ว.ย่านบางบอน ให้ บ.69 พรอพเพอร์ตี้ จำนวน 600 ล้านบาท โดยมอบเงินให้บุตรชายคนโต 540 ล้านบาท หากเป็นวิญญูชนทั่วไปถือเป็นความพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ที่ต้องอภิปรายเพราะการซื้อขายที่ดินแปลงนี้ไม่ได้เรียกว่าเป็นที่ดิน แต่เป็นบ่อตกปลาราคา 600 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องผิดปกติที่ต้องตรวจสอบและพิสูจน์ว่ารายจ่าย 466 ล้านบาท เป็นเงินที่ฟอกมาหรือไม่ เพราะถ้าราคาประเมินของบ่อตกปลาต้องถูกกว่านี้ และจากที่ซื้อไปกว่า 6 ปีแล้วพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์ ผู้ซื้อต้องใช้ทุนถึง 1 พันล้านบาทในการพัฒนา แต่จนถึงวันนี้ยังเป็นบ่อตกปลา เมื่อไปดูแผนผัง กทม.พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สีเขียว มีข้อห้ามสารพัด ห้ามสร้างโรงงาน โรงแรม สถานบริการ ห้ามจัดสรรที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ ที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ ขณะที่ผู้ซื้อบอกว่าจะนำที่ดินไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่สภาพที่ดินเหมือนหลับตาซื้อ ดูมีพิรุธ ลักษณะเป็นการฟอกเงิน เป็นธุรกรรมที่น่าสงสัยว่าเป็นบ่อตกปลาที่แพงเกินไป สถานะผู้ซื้อจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ โดยเพิ่งตั้งบริษัท 2 พ.ค.56 เพียง 7 วันก่อนการซื้อขาย เป็นทาวน์เฮาส์เก่าๆ โทรมๆ อยู่ที่เขตตลิ่งชัน ราคาไม่น่าเกิน 2 ล้านบาท แล้วเอาเงิน 600 ล้านมาจากไหน คุณประยุทธ์เดินทางไปติดต่อซื้อขายกับบริษัทนี้เมื่อไหร่ เจรจากี่วัน การซื้อขายที่ดินต้องตรวจสอบที่ดินก่อน แล้วคุณประยุทธ์เอาเวลาที่ไหนพาผู้ซื้อไปดูที่ดิน หรือใครพาไปดูที่ดิน ตนไม่เชื้อว่าบิดา พล.อ.ประยุทธ์ที่อายุกว่า 90 ปี จะสามารถนำพา บ.69 พรอพเพอร์ตี้ไปดูที่ดินดังกล่าวได้ แล้วใครจ่ายค่าโอนภาษีที่ดิน ถ้าตอบเรื่องนี้ไม่ได้ ขอให้คุณประยุทธ์สารภาพมาอย่างชายชาติทหาร ขอให้รับสารภาพว่าไปพบกับเจ้าสัวเจริญ ทำให้นายชวนได้กล่าวเตือนนายยุทธพงศ์ว่าคาดคั้น และอย่าพาดพิงถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น โดยนายยุทธพงศ์ระบุขอรับผิดชอบเอง

Advertisement

นายยุทธพงศ์ อภิปรายอีกว่า นอกจากนี้น่าสงสัยว่า บ.69 พรอพเพอร์ตี้ฯ ไม่น่ามีเงิน 600 ล้านบาทไปซื้อที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ ตนจะขออธิบายเส้นทางทางการเงินว่า บ.69 พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบ.ทรงวุฒิ บิสซิเนส ที่ต่อมาได้โอนหุ้นจำนวน 49,000 หุ้น ไปให้ บ.วินเทค โปรฟิท คอมปะนี ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ ทรัส (บี.วี.ไอ.) ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ แซมเบอร์ ซึ่งมีที่อยู่เป็นตู้ ป.ณ. เลขที่ 146, โรดทาวน์,ทอร์โทล่า, บริติชเวอร์จิน ไอร์แลนด์ และเป็นที่อยู่เดียวกันกับบริษัท TCC Group International Limited ที่เป็นบริษัทที่เพิ่มทุนให้กับ บ. 69 พร็อบเพอร์ตี้ เพื่อไปซื้อที่ดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งทั้งสองบริษัทมีส่วนเชื่อมโยงกับบริษัทของเจ้าสัว จนนำไปสู่เรื่องการต่อสัญญาศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อภิมหาค่าโง่ต่อสัญญาถึง 50 ปี จำนวน 6,000 ล้านบาท คุณประยุทธ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ไม่ควบคุมกระทรวงการคลังให้ทำตามมติ ครม.เมื่อ 17 ม.ค.60 ถือเป็นมติ ครม.ที่ฉ้อฉล หลอกลวง โดย รมช.คลัง (นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ) ชี้แจงเพิ่มเติมว่ากรมธนารักษ์ได้ยืนยันว่าการดำเนินโครงการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือเป็นการดำเนินโครงการเดิมตามนัย พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์เดิมที่ ครม.ได้เคยอนุมัติไว้ ต่อมา ครม.พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาแล้วลงมติว่า 1.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และข้อชี้แจงเพิ่มเติมของ รมช.คลัง 2.ให้กระทรวงการคลังนำข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้นำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาการบริหารและดำเนินกิจการศูนย์ฯ ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะมีการลงนามต่อไปด้วย

นายยุทธพงศ์ อภิปรายว่า อัยการสูงสุดแจ้งข้อสังเกตทักท้วงถึง 2 ครั้งเกี่ยวกับประเด็นปัญหา ว่าจะถือว่าเป็นโครงการใหม่ตามนัยแห่ง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 หรือไม่ แต่กรมธนารักษ์มิได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดแต่อย่างใด ถือได้ว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่เปิดให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เอื้อกลุ่มทุนเดิมๆ หรือไม่ ทำไมเจ้าสัวถึงอยากได้ที่ตรงนี้ เพราะจะมีการสร้าง New CBD Bangkok ซึ่งต้องได้พื้นที่บริเวณดังกล่าว ถือว่ามีการล็อกสเปกให้บริษัทเจ้าสัวหรือไม่ คุณประยุทธ์ไม่ซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ ไม่รอบคอบปล่อยให้ประเทศเสียประโยชน์ ไม่ฟังคำทักท้วงของอัยการสูงสุด และขอชื่นชมอัยการสูงสุดที่รักษาประโยชน์ประเทศถึงมีข้อทักท้วง ถือเป็นการละเมิดหลักนิติธรรม มีเจตนาพิเศษในการะเมิดกฎหมาย โดยไม่สนใจข้อทักท้วงของหน่วยงานรัฐ เพราะคุณประยุทธ์มีความพัวพันกับเจ้าสัว ถือเป็นตราบาปในแผ่นดิน ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของรัฐ ไม่คำนึงถึงระเบียบของราชการ และตนจะนำเรื่องนี้ไปกล่าวโทษคุณประยุทธ์ทางกฎหมายต่อไป

นายยุทธพงศ์ อภิปรายว่า ต่อมาคือเรื่องของการขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 40 ปี คุณประยุทธ์ใช้อำนาจอย่างเหิมเกริมไม่ถูกต้อง ขัด พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ทั้งนี้ ส่วนต่อขยายสายสีเขียวด้านเหนือและด้านใต้ รฟม.มีเงินลงทุน 8 หมื่นล้านบาท จากนั้นรัฐบาลให้โอนมาให้ กทม. เรื่องนี้มีการฮั้วประมูลเพราะคุณประยุทธ์พัวพันเจ้าสัว เรื่องนี้ไม่เข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ของเดิมเป็นสัญญาเดียว ขณะที่ส่วนต่อขยายเขียวเหนือและเขียวใต้ กทม.ไปจ้าง บ.บีทีเอสเดินรถ จากนั้นมีการออก ม.44 รวมสัญญาสายเขียวเหนือและเขียวใต้กับบีทีเอสเป็นสัญญาเดียว ถามว่าทำแบบนี้ทำไม เท่ากับคุณประยุทธ์ออกกฎหมายฉ้อฉล หรือมีใครไปบอกให้ท่านออกเป็น ม.44 ถือว่าท่านเป็นโมฆะบุรุษ ไม่อาจปล่อยให้บริหารประเทศอีกต่อไป

Advertisement

นายยุทธพงศ์ อภิปรายว่า สำหรับยุทธการอรุณรุ่งของพรรคเพื่อไทยนั้น ในปี 54 มีลูกเรือของจีนถูกยิงเสียชีวิตที่เชียงแสน 13 ศพ ถือเป็นเรื่องระหว่างประเทศที่ใหญ่มาก ขณะนั้นกองกำลังผาเมืองถูกหลอกว่าลูกเรือจีนขนยาเสพติด และตำรวจขณะนั้นได้ดำเนินคดีกับทหารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ. มีผู้ต้องหาที่ 1 ได้เลื่อนยศขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. คือ พ.อ.ชิดพงศ์ ช่วยบำรุง เป็นหัวหน้ากิจการพลเรือน กองพลทหารม้าที่ 1 และได้เลื่อนยศเป็น เสธ.ของพล ม.2 ตอนที่ พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.ทบ.และ พล.อ.ประยุทธ์เป็น รมว.กลาโหม ทั้งนี้ อัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลจีนก็ไม่สบายใจ มีที่ไหนคนที่มีคดีความได้เลื่อนตำแหน่งตั้งแต่พันตรีเป็นผู้การกรม ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปแก้ไข ไม่เช่นนั้นอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้

นายยุทธพงศ์ อภิปรายสรุปว่า คุณประยุทธ์ร่ำรวยผิดปกติ เขียนคำสั่งให้ทุกคนปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.61 แต่คุณประยุทธ์กลับไม่ปฏิบัติตาม คุณประยุทธ์ไม่ซื่อสัตย์ ไม่แบ่งเงิน 540 ล้านบาทให้พี่น้องแต่ไปให้ลูกสาว ต่ออายุสัญญาศูนย์สิริกิติ์ ไม่เคยมีสัญญาไหนในประเทศที่ยาวนานขนาดนี้

และแก้ไขสัญญาให้บีทีเอสได้สัมปทานเพิ่มอีก 30 ปี ผูกขาดให้นายทุนเพียงรายเดียว ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ปี 62 ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พฤติการณ์แวดล้อมสนับสนุนตามญัตติของผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ทำให้เห็นตัวตนว่าคุณประยุทธ์ไม่ใช่ทองแท้ แต่เป็นทองชุบ คุณประยุทธ์มีนิสัยเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า ตนได้ปอกเปลือกตัวท่าน แล้วแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะบริหารงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาทได้อย่างไรเพราะท่านพัวพันกับเจ้าสัว ตนขอกล่าวหาว่าท่านไม่ซื่อสัตย์สุจริต มีรสนิยมพัวพันกับเจ้าสัวคนหนึ่งไปสู่เจ้าสัวอีกคนหนึ่ง ตนไม่อาจไว้วางใจคุณประยุทธ์ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกไปเถอะครับ เพราะคนทั้งประเทศอยากให้ท่านออกไป

ตนจะขออธิบายเส้นทางทางการเงินว่า บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ทรงวุฒิ บิสซิเนส ที่ต่อมาได้โอนหุ้นจำนวน 49,000 หุ้น ไปให้ วินเทค โปรฟิท คอมปะนี ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ ทรัส (บี.วี.ไอ.) ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ แซมเบอร์ ซึ่งมีที่อยู่เป็นตู้ ป.ณ. เลขที่ 146, โรดทาวน์,ทอร์โทล่า, บริติชเวอร์จิน ไอร์แลนด์ และเป็นที่อยู่เดียวกันกับบริษัท TCC Group International Limited ที่เป็นบริษัทที่เพิ่มทุนให้กับ บ. 69 พร็อบเพอร์ตี้ เพื่อไปซื้อที่ดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งทั้งสองบริษัทมีส่วนเชื่อมโยงกับบริษัทของเจ้าสัว รวมไปถึงพื้นที่บริเวณศูนย์ประชุมฯ ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายยุทธพงศ์กำลังอภิปรายตลอด 2 ชั่วโมง ส.ส.ฝั่งรัฐบาล เช่น นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะ โดยให้เหตุผลว่าผู้อภิปรายเรียก พล.อ.ประยุทธ์ ว่า คุณประยุทธ์ เป็นการเรียกแบบไม่มียศนำหน้า ซึ่งถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรตินายกรัฐมนตรี กระทั่งต่อมาเวลา 15.32 น. น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ลุกขึ้นกว่า “ดิฉันขอให้คุณชวน หลีกภัย ช่วยพิจารณาคำวินิจฉัยของท่านเมื่อสักครู่ด้วย เพราะคำวินิจฉัยต่อท่านศุภชัยนั้น ดิฉันคิดว่า เรื่องของความเหมาะสม เรื่องของสิ่งต่างๆ นั้น มันสามารถควบคุมได้ในการประชุมสภา หากผู้ใดเรียกประธานสภาฯ ว่า คุณชวน หลีกภัย มันก็สามารถควบคุมได้ ขอให้ท่านช่วยวินิจฉัยด้วยค่ะ” จากนั้นนายชวน กล่าวว่า “เขาไม่เรียก ‘ไอ้’ ก็ใช้ได้ครับ อันนี้ก็ต้องเข้าใจว่าภาษาไทย คือ มันก็ไม่เหมาะสม แต่จะบอกว่าคำนี้ไม่สุภาพ ให้พูดคำอื่นก็ไม่ได้ ” ซึ่งหลังจากที่ประธานสภาฯ พูดจบ ก็เกิดเสียงหัวเราะทั่วทั้งห้องประชุม

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image