‘มข.’ เอาด้วย สองพันคนร่วมแฟลชม็อบ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”

มข.-เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่สนามหญ้าภายในบึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. ได้มีกลุ่มนักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วกว่า 2,000 คน รวมตัวกันแสดงออก เชิงสัญลักษณ์ อย่างสร้างสรรค์สงบ โดยกลุ่ม “มข.พอกันที” จัด แฟลชม็อบ คุยการเมือง ได้นำรถแห่มาตั้งเป็นเป็นจุดศูนย์กลาง และติดป้ายผ้าที่เขียนว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” โดยมีการแสดงดนตรีจากนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดินพร้อมสมาชิกกลุ่มดาวดิน

นายจตุภัทร์ กล่าวว่า การวมกลุ่มครั้งนี้เกิดจากความอึดอัดทางการเมือง หลังจากมีการโพสต์ในทวิตเตอร์ที่ติดแฮชแทก ว่า มข.พอกันที และภายหลังได้ถูกลบแฮชแทกดังกล่าวออก ประกอบกับ เหตุการณ์ที่กลุ่มนักศึกษาบอกว่า รัฐบาลกลั่นแกล้งพรรคการเมือง วันนี้จึงกลายเป็นการรวมของทุกกลุ่มทางการเมือง และเป็นจุดเริ่มต้น มข. เพื่อบอกว่า กลุ่มนักศึกษาจะไม่หายไปอีกต่อไป โดยกิจกรรมวันนี้จะเริ่มที่ นศ. จะมีการพูดการเมืองในประเด็นต่างๆ และจัดพื้นที่เขียนข้อความแสดงความคิดเห็น

“การรวมตัวครั้งนี้ไม่ได้นัดหมาย เพราะนักศึกษาและประชาชนที่มารวมตัวกันนั้น ต่างก็หมดความอดทนกับรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลกลั่นแกล้งพรรคการเมืองและกลั่นแกล้งประชาชน ทำให้ทุกคนหมดความอดทน จนต้องออกมารวมตัวแสดงออกถึงจุดยืนและความรู้สึกที่มีต่อรัฐบาลชุดนี้” นายจตุภัทร์ กล่าว

Advertisement

ขณะที่นักศึกษาหญิง ที่มาร่วมแสดงจุดยืนในครั้งนี้ กล่าวว่า การรวมตัวของนักศึกษา มาจากการพูดคุยกันปากต่อปากถึงการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ที่บริหารบ้านเมืองมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งทุกคนมีความรู้สึกตรงกัน คือหมดความอดทนกับการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ จนเกิดแฮชแท็กคำว่า “มข.พอกันที ยึดมั่นเชิดชู เสรี สิทธิ ที่เราใฝ่ฝัน” และเราจะไม่ยอมเสียสิทธิ์ เรามีเสรีภาพในการแสดงออก จึงออกมาแสดงความคิดเห็น เป็นการพบปะพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ เช่นเดียวกันกับ นักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มข.ชั้นปีที่ 3 กล่าวว่า คะแนนเสียงที่นักศึกษาเลือก ส.ส.ในครั้งที่ผ่านมา ส่วนมากลงคะแนนเลือก ส.ส.ที่มาจากพรรคอนาคตใหม่ เพราะชอบอุดมการณ์ มุมมองต่างๆที่จะสามารถพัฒนาประเทศชาติในด้านต่างๆได้ตรงใจที่สุด

” ในเมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคการเมืองไปแล้ว และ ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคอนาคตใหม่ก็ย้ายไปซบพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ทุกคนหมดความเชื่อมั่นในตัว ส.ส.รายนี้ ที่ไม่ยึดถืออุดมการณ์ ยอมหนีอุดมการณ์ที่ให้ไว้ไปร่วมรัฐบาล และเชื่อว่าน่าจะได้เป็นส.ส.เพียงแค่ครั้งเดียวเพราะถ้ามีการเลือกตั้งครั้งต่อไป คงไม่มีใครเลือกคนแบบนี้ไปเป็นปากเสียงแทนประชาชน ตอนนี้ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกทรยศอย่างมาก”

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image