“อดีตส.ส.ร.”ชี้ ร่างรธน.ใหม่ทำการเมืองไทยอยู่ใต้ระบอบ “อำมาตย์ชราธิปไตย”


“คณิน” หวั่น บทเฉพาะกาล ทำโรดแมป ถลำลากยาวไปไกล แนะ”บิ๊กตู่”สั่งกรธ.ปรับแก้ลดเหลือทำกม.ที่เกี่ยวกับลต.แค่ 3 ฉบับภายใน 90 วัน เชื่อหากยึดตามนี้เลือกตั้งเกิดขึ้นกลางปี 60 แน่ ห่วงหากรธน.ผ่านประชามติ ทำปท.เป็น“สังคมคนชรา”

เมื่อวันที่ 31 มกราคม นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 กล่าวถึงบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ไม่ต้องสงสัยว่าสืบทอดอำนาจหรือไม่ เพราะนอกจากบทเฉพาะกาลจะให้แม่น้ำทั้ง 4 สาย ซึ่งได้แก่ คสช.คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อยู่ในตำแหน่งต่อไปถึงแม้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะประกาศใช้แล้ว ยังเปิดช่องให้แม่น้ำทั้ง 4 สายสามารถเข้าสู่ตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญใหม่ได้ เพียงแต่ต้องลาออกก่อนที่จะลงสมัครหรือเข้าสู่ตำแหน่งใหม่ตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น ส่วนองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ก็จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ

นายคณิน กล่าวว่า ส่วนกรธ.เอาเข้าจริงก็เหลือเว้นวรรค แค่ 2 ปี เพราะหลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้กรธ. ต้องอยู่ต่ออีก 10 เดือน เพื่อจัดทำร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ และยังต้องรอจนกว่าสนช. จะพิจารณาเสร็จอีก 2 เดือน รวมเป็น 1 ปี ดังนั้น กรธ.จึงเหลือเวลาที่จะต้องเว้นวรรคอีกเพียงแค่ 2 ปี แต่ปัญหาก็คือจะมีการเลือกตั้งได้ต้องให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ หลังจากนั้นจึงให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน ซึ่งทำให้ข้อสงสัยที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีมากขึ้นอีก คือ นอกจากจะให้มีการสืบทอดอำนาจอย่างแน่นอนแล้ว ยังมีการประวิงเวลาการคืนเลือกตั้งให้แก่ประชาชนอีกด้วย เพราะถ้าเป็นไปตามบทเฉพาะกาลนี้ กว่าจะมีการเลือกตั้งหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้จะเท่ากับ 10 + 2 + 5 รวม 17 เดือน

นายคณิน กล่าวต่อว่า ดังนั้นการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดว่าจะมีการเลือกตั้งกลางปี 2560 จึงเป็นไปไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะบอกให้ กรธ. แก้ไขบทเฉพาะกาลเสียใหม่โดยให้กรธ. และสนช. ร่วมกันพิจารณาจัดทำร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเพียง 3 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน การเลือกตั้งจึงจะมีขึ้นภายในกลางปี 2560 ตามโรดแมปได้ ส่วนร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 7 ฉบับ นั้นควรรอให้สภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ที่มาจากการเลือกตั้งมาเป็นผู้พิจารณาจัดทำจึงจะถูกต้อง แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ โอนอ่อนยอมให้เป็นไปตามบทเฉพาะกาลที่ กรธ. ชุดนายมีชัย เขียนขึ้น การเลือกตั้งจะมีขึ้นได้เร็วที่สุดก็ตกประมาณต้นปี 2561 ลองคิดดูว่าประชาชนจะทนไหวหรือไม่

Advertisement

“น่าเป็นห่วงสำหรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย นอกจากจะเป็นการสืบทอดอำนาจและประวิงเวลาการเลือกตั้งและคืนอำนาจให้ประชาชนแล้ว ยังมีเรื่องของ ความพยายามที่จะสถาปนาระบอบการเมืองใหม่ที่นอกจากจะไม่เป็นประชาธิปไตยตามหลักสากลแล้ว ยังย้อนยุคกลับไปสู่การปกครองระบอบอนุรักษ์นิยมที่ถือว่า “ข้าราชการเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” อีกด้วย เพียงแต่ข้าราชการที่เป็นใหญ่ในสมัยก่อนเป็นข้าราชการที่ยังไม่เกษียณอายุ แต่ผู้เป็นใหญ่ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฯ ไม่ว่าจะมาจากข้าราชการสายไหน ล้วนเป็น “ข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว” ทั้งสิ้น เพราะผู้ที่จะขึ้นมาเป็นใหญ่ในอำนาจอธิปไตย 3 ฝ่าย รวมทั้งองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอำนาจที่สี่นั้น ล้วนแล้วแต่ต้องเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุแล้วทั้งนั้น อาทิสมาชิกคสช.แต่ละคนอายุ 60 – 70 ปี นายมีชัย ก็เกือบ 80 ปีแล้ว สนช.ที่เป็นนายพลเกษียณอายุแล้วก็มีจำนวนตั้งเกือบครึ่ง สปช.และสปท. ซึ่งจะไปเป็น ส.ว. 200 คน ก็อายุเลย 60 กันเสียเป็นส่วนใหญ่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่ได้จนอายุ 75 ปี ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด และผู้พิพากษาศาลฎีกา ก็ล้วนอยู่ได้จนอายุ 70 ปี กรรมการองค์กรอิสระอยู่ได้จนอายุ 70 ปี เช่นเดียวกับตุลาการในศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด และผู้พิพากษาศาลฎีกา ก็ล้วนอยู่ได้จนอายุ 70 ปี ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติ คือ ส.ว. 200 คน นั้น ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้คนหนุ่มคนสาวหรืออายุ 40 กว่าปี 50 กว่าปี สักกี่คน มีแต่ ส.ส. เขต 350 คน เท่านั้นที่อาจได้คนหนุ่มคนสาวเข้าสภามาก แต่ส.ส.ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มีสภาพไม่ผิดอะไรกับ “เป็ดง่อย” ดีๆ นี่เอง”อดีตส.ส.ร.กล่าว

นายคณิน กล่าวว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติและประกาศใช้ ประเทศไทย ซึ่งกำลังจะกลายเป็น “สังคมคนชรา” ในไม่ช้ากลับจะต้องตกอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่เข้าข่ายเป็น “อำมาตย์ชรา” เกือบทั้งหมด โดยที่คนหนุ่ม คนสาว หรือแม้แต่บรรดา อธิบดี และนายพลหนุ่มๆ ที่ยังไม่เกษียณอายุ คงได้แต่มองตาปริบๆ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็คงจะต้องติดตามดูด้วยใจระทึกว่าระบอบ “อำมาตย์ชราธิปไตย” จะสามารถแบกรับภาระและนำพา “สังคมคนชรา” ไปสู่ความอยู่รอดปลอดภัยได้สักกี่น้ำ หรือถึงคราวต้องล่มสลายไปพร้อมกัน ทั้ง “สังคมคนชรา” และ “อำมาตย์ชรา”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image