ใคร “ยังทำใจให้เชื่อไม่ได้” คนคนนี้คงต้องทบทวน “สำนึกแห่งการยอมรับความจริง” ในใจของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนท่ามกลางกระแสการโจมตีของฝ่ายค้านในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 วัน 3 คืนแบบเดี่ยวๆ เน้นๆ เพราะแม้จะอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นด้วย แต่ดูเหมือนฝ่ายค้านเลือกที่จะใช้เวลาเกือบทั้งหมดลงที่ “บิ๊กตู่” เพียงคนเดียว
ดูจะเป็นครั้งแรกของ “นายกรัฐมนตรี” ที่ถูกอภิปรายดุเดือนในสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่พอ กระแสการชุมนุมต่อต้านของนิสิตนักศึกษา แม้กระทั่งนักเรียน ในมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาทั่วประเทศเป็นไปอย่างคึกคัก ผสมโรงโหมกระหน่ำในระดับที่ไม่น่าชื่อว่าใครจะทานทนได้
ขณะที่สื่อมวลชนที่ถูกยึดครองและชี้นำโดยโซเชียลมีเดีย โหมกระหน่ำข้อมูลโจมตีซ้ำอย่างเกรี้ยวกราดเอาตาย
และไม่ใช่ว่า เป็นการประสานพลังโจมตีโดยมีข้อมูลข้อเท็จจริงมารองรับ
หลักฐานจะจะ เปิดโปงเรื่องร้ายแรงระดับ “สร้างความเสียหายต่อความสามัคคีของคนในชาติ” อย่างชวนสยดสยองน่าสะพรึงกลัว พร้อมๆ กับการถูกเด็กๆ ขับไสไล่ส่งด้วยอารมณ์รังเกียจรุนแรง ในบรรยากาศของโลกออนไลน์ที่เสริมแต่งให้กลายเป็น “ตัวตลกที่ไร้ค่า”
ทว่าโลกของอำนาจในความเป็นจริงกลับเป็นคนละเรื่อง
ในกลไกของโครงสร้างอำนาจ ไม่เพียงไม่มีอะไรที่จะทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องสะดุ้งสะเทือน ผลที่ออกมากลับเห็นได้ชัดว่า “กลไกอำนาจ” ทั้งหมด ยังยืนหยัดที่จะเชิดชู “พล.อ.ประยุทธ์” ไว้ในฐานะผู้นำประเทศอย่างไม่มีส่วนไหนที่จะเป็นสัญญาณให้เห็นถึงการต่อต้านปฏิเสธ
การเลือกตั้งซ่อมทั้งหมดที่ผ่านมา “พรรคพลังประชารัฐ” ซึ่งเชิด “พล.อ.ประยุทธ์” ไว้บนยอดสุดของผู้นำ ชนะเลือกตั้งในทุกสนามทุกภาค
ในเชิงคดีความทางการเมือง ทุกผลของคดีออกมาในทางเป็นบวกกับ “พล.อ.ประยุทธ์” เช่นเดียวกับการโหวตทุกโหวตในสภา ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา
เช่นเดียวกับพรรคการเมือง และนักการเมืองที่สนับสนุน จากเสียงปริ่มน้ำในช่วงแรกๆ ของการจัดตั้งรัฐบาล มาวันนี้ ส.ส.ในฝั่งพรรคฝ่ายค้าน พากันย้ายพรรคไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์กันเป็นระลอกๆ
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลยังแข็งแกร่งเป็นเอกภาพ ไม่มี ส.ส.คนใดของพรรคไหนที่แสดงออกมาทำตัวเป็นปฏิปักษ์
ผิดกับ “ส.ส.จากฟากฝ่ายค้าน” ที่มีทั้งเปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายรัฐบาล ทั้งยังสังกัดพรรคเดิม แต่โหวตสวนมติพรรค อย่างไม่เห็นหัวเพื่อนร่วมพรรคแบบหน้าตาเฉย เหมือนจะถามว่า “แล้วมีอะไรหรือเปล่า” อยู่ทุกครั้ง
ไม่เพียงจะได้คะแนน “ไว้วางใจ” อย่างท่วมท้น แต่ผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจสร้างประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่ว่า “พรรคฝ่ายค้าน” แตกกันเละ
เพราะไม่เพียงเกิด “งูเห่า” เลื้อยกันเกลื่อนสภา ทว่าฝ่ายค้านรู้สึกกันเองถึงการมีอยู่ “ไส้ศึก” หรือ “หนอนบ่อนไส้” ที่เดินเกมทำลายกันเอง และเปิดทางรอดให้คนในรัฐบาล
เมื่อมีใครสักคนยืนโต้กระแสการถูกไล่ขยี้ ผู้คนมักจะถึงบทหนึ่งของคำกลอน “แสงดาวแห่งศรัทธา” ที่ จิตร ภูมิศักดิ์ แต่ง
“ขอเยาะเย้ย ทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ คนยังคง ยืนเด่นโดยท้าทาย แม้นผืนฟ้า มืดดับเดือนลับมลาย ดาวยังพราย ศรัทธาเย้ยฟ้าดิน” และมีคนเอามาใส่ทำนองเป็นเพลงชื่อ “แสงดาวแห่งศรัทธา”
แต่ก่อนหน้านั้น คนที่ “ยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย” ส่วนใหญ่เผชิญชะตากรรมที่ชวนให้สลด
แต่ครั้งนี้เมื่อมองไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วนึกถึงท่อนนั้นของเพลงนี้
คล้ายกับคำว่า “คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย” นั้น
พล.อ.ประยุทธ์ยัง “ยืนยิ้มกรุ้มกริ่ม” ท้าทายกระแสต้าน ในโครงสร้างอำนาจที่ฝ่ายตรงกันข้ามแตกกระเจิงระเนระนาด
การ์ตอง
