‘สุชาติ’ ยันเสียงโหวตไว้วางใจ ‘บิ๊กตู่- 5 รมต.’ ฉลุย ไม่แตกแถว แจงเสียง’บิ๊กป้อม’ ลิ่ว แค่เกมการเมือง

เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธานส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงโหวตการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ 5 รัฐมนตรีว่า ผลคะแนนการลงมติไว้วางใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ 4 รัฐมนตรีได้คะแนนเท่ากันคือ 272 เสียงนั้น เป็นไปตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์ ได้กำชับ ตนและนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร.และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) ให้ประสานกับวิปรัฐบาลของแต่ละพรรคไว้แล้ว คะแนนที่ออกมาถือว่าครบถ้วนไม่มีใครแตกแถว เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้เมื่อรวมกับเสียงของส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่(ศม.) 5 เสียง ประชาชาติ(ปช.) 1 เสียง และ 9 เสียงของอดีตส.ส.พรรคอนาคตใหม่(อนค.)ที่ย้ายมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ทำให้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลมี 274 เสียง เมื่อหัก 2 เสียงที่โหวตงดออกเสียง ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กับ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนนที่ 1 เสียงโหวตไว้วางใจจึงออกมาเท่ากันที่ 272 เสียง ส่วนเสียงโหวตให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ 269 เสียงนั้น เนื่องจาก 5 เสียงของส.ส.พรรคศม.โหวตงดออกเสียง เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของ 5 ส.ส.พรรคศม.ที่พิจารณาจากเนื้อหาการอภิปรายและการชี้แจงของร.อ.ธรรมนัส เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแต่ละท่าน

“เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ หลังผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น ถือว่าเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลมีความแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิมมาก จากเดิมเริ่มต้นจัดตั้งรัฐบาลผสมมีเสียงอยู่ประมาณ 252-253 เสียง เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แต่ขณะนี้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลมีถึง 274 เสียง มากกว่าเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่มี 214 เสียง ถึง 60 เสียง เป็นรัฐบาลเสียงพ้นน้ำแล้ว แต่การทำงานด้านนิติบัญญัติ ในสภาฯ จะประมาทไม่ได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคพปชร.ก็ไม่ปิดกั้นหากจะมีส.ส.ของฝ่ายค้านที่เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะทำงานให้กับประเทศและประชาชน จะย้ายมาร่วมงานกับพรรคร่วมรัฐบาล”ประธานส.ส.พรรคพปชร. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใจคะแนนเสียงโหวตของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พปชร. จึงได้คะแนน 277 เสียงมากกว่าคะแนนโหวตของนายกฯ นายสุชาติ กล่าวว่า ถือเป็นเกมการเมืองของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย(สร.) ที่ให้ 3 ส.ส.ของสร. และ 2 ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย(พท.) รวมเป็น 5 เสียงมาโหวตให้ พล.อ.ประวิตร ทำให้มีคะแนนมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นไปตามเกมการเมืองที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แถลงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อช่วงคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยืนยันว่าคะแนนโหวตของพล.อ.ประวิตรที่ออกมาสูงสุดนั้น ไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองใดๆ หากไม่มีเกมการเมืองดังกล่าว คะแนนโหวตของ นายกฯและรัฐมนตรีอีก 4 คนจะออกมาเท่ากัน คือ 272 เสียง

“ในฐานะที่ผมเป็นประธานส.ส.พปชร. อยากถาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า ที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เหตุใดจึงกล้าให้ส.ส.ของสร. ออกมาโหวตสนับสนุนพล.อ.ประวิตร ให้มีคะแนนมากที่สุด เพื่อดิสเครดิตนายกฯที่ได้คะแนนโหวตน้อยกว่า จนถูกโซเชียลมีเดียและประชาชนที่ติดตามการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ถึงจุดยืนทางการเมืองอย่างหนัก เหมือนกับดันลูกน้องให้ออกมาถูกฆ่าทางการเมือง เหตุใดในฐานะหัวหน้าพรรค จึงไม่กล้าออกมาโหวตสนับสนุนพล.อ.ประวิตรเสียเอง แม้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะออกมาไลฟ์สดชี้แจงถึงเกมการเมืองดังกล่าวแต่คนที่ติดตามการเมืองมาคงไม่เข้าใจถึงจุดยืนในการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านของหัวหน้าพรรคสร.”นายสุชาติ กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่าคะแนนโหวตไว้วางใจที่ออกมาโดยเฉพาะรัฐมนตรีที่ได้คะแนนน้อยที่สุดจะนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ตามที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)เรียกร้องหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคปชป. ที่เรียกร้องให้มีการปรับครม.ตนไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวได้ เพราะเป็นเรื่องภายในพรรคปชป. อย่างไรก็ตามการปรับครม.ถือเป็น อำนาจของนายกฯ ในฐานะผู้นำของฝ่ายบริหารที่จะต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาถึงความเหมาะสมในการปรับครม.ในฐานะประธานส.ส.พรรคพปชร.ที่ทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติก็จะทำงานในหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติให้เรียบร้อยและมีความสามัคคี และปฎิบัติตามนโยบาย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์ ให้ผลงานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด อย่างการดูแลส.ส.ที่ร่วมประชุมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และผลการลงมติไว้วางใจนายกฯและอีก 5 รัฐมนตรี ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เรื่องการปรับครม.ถือเป็นอำนาจของนายกฯที่จะเป็นผู้พิจารณา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image